21 มีค. 65 ภาวนาสัญจร
(อยุธยา 19-20มีค.) เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเรารวมตัวกันไปปฏิบัติภาวนานอกสถานที่(วัชรธรรมสถาน) ครั้งนี้เราไปโบราณสถาน วัดร้าง ในอยุธยา เริ่มด้วยไปรวมตัวพบกันที่วัดหน้าพระเมรุ วัดที่คงสภาพเดิมไว้ได้มากที่สุดเพราะไม่ได้ถูกพม่าทำลาย จากนั้นเราก็ได้ผ่านเข้าประตูแห่งกาลเวลา ณ วัดพระงาม เพื่อปรับสภาพจิตใจให้หวนคำนึงถึงอดีต600-700ปีก่อน จากนั้นก็นั่งภาวนากันที่วัดร้าง ที่เงียบสงบ แม้อาจมีสัตว์ตัวน้อย เช่นมดแมลงมารบกวนบ้างก็เป็นธรรมดา การมาภาวนานอกสถานที่มิได้มาหาความสะดวกสบายกัน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มีเวลาและสถานที่เงียบสงบ ปล่อยใจให้ได้สัมผัสกับจิตเดิมแท้ของมันเอง จิตใจที่สงบหาได้ยากยิ่งนัก เมื่ออยู่ท่ามกลางวัดร้างเหล่านี้ เรามักจะสงบได้ง่ายขึ้น วัดวาอารามเหล่านี้ล้วนสร้างขึ้นด้วยพลังความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทุ่มเทเงินทองของมีค่าต่างๆมาประดับประดาไว้เพราะคิดว่าวัตถุเหล่านั้นจะทำให้เขาเข้าถึงศาสนาได้? แต่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น หลวงปู่มั่นเคยสอนวิญญาณที่ยึดติดในเจดีย์ที่ตนสร้างจนไปเกิดในภพที่สูงขึ้นไม่ได้ การเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดานั้น มีทางเข้าถึงทางเดียวคือการพัฒนาจิตใจเท่านั้น การที่เรามุ่งปฏิบัติภาวนาตามแนวทางคำสอนของพระศาสดา พ่อแม่ครูบาอาจารย์จึงเป็นหนทางที่เรามุ่งเพียรพยายามอยู่ เพื่อให้ใจดวงนี้พัฒนาขึ้นจนสามารถเห็นสภาพตามความเป็นจริงของกายของใจนี้รวมทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วย แน่นอน การความคุมกายวาจานั้นย่อมจำเป็นเสมอ การปฏิบัติสมาธิภาวนาก็จำเป็นเช่นกัน เมื่อใจไม่ฟุ้งไปกับอารมภ์ภายนอก/ภายในแล้ว ปัญญาญาณจากการพิจารณาธรรมเบื้องหน้าจึงเกิดขึ้น แม้ค่อยๆเป็นไปที่ละเล็กที่ละน้อยก็พอใจแล้ว วันนี้พอตกเย็นเราก็ย้ายไปภาวนาต่อที่วัดเชิงท่า เพราะมีรายงานว่าฝนจะตกคืนนี้ แม้บรรยากาศอาจแตกต่างบ้างแต่ก็สัปปายะดีมากครับ เราได้สวดมนต์ภาวนากันภายในพระอุโบสถที่พระเจ้าตากสินมหาราชทรงผนวช ได้ทำวัตรเช้าเย็นหน้าพระประธานในวิหารร้างหน้าพระปรางค์อายุกว่า700ปี ตลอดคืนได้นั่งภาวนา เนสัชชิกไม่นอน และที่ลำบากอีกหน่อยก็คือเรานั่งภาวนากันสองรอบ รอบแรก4ชม.รอบสอง5ชั่วโมง ติดต่อกันไม่ลุกไม่ขยับกัน ระหว่างนั้นมีเบรคให้พักเข้าห้องน้ำ สนทนาธรรมกัน1ชม. สำหรับผู้ใหม่คงลำบากหน่อย แต่ผู้คุ้นเคยแล้วก็สงบสบายดีครับ เฝ้ามองความจริงของความทุกขเวทนาที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ใจคงหนีไปคิดเรื่องอื่นยากหน่อยครับ ช่วงดึกๆลมพายุแรงมากคล้ายฝนจะตก ต้นไม้หลังอุโบสถ/เจดีย์เขย่าไหวอย่างแรงเกือบชั่วโมง เราก็เป็นห่วงเพื่อนๆเพราะถ้าฝนตกคงต้องย้ายที่กัน แต่กลับไม่ตกและอากาศเย็นสบายสัปปายะต่อการปฏิบัติภาวนายิ่งนัก เช้าทำวัตรเช้าเสร็จก็ไปตลาดซื้อปลาปล่อยชีวิตให้พ้นความตายซื้ออาหารไปถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ที่บ้านเทวธรรมทำบุญซื้อที่ดินกับพระอาจารย์สุธรรม เติมเสบียงบุญกัน มีเวลาสนทนาธรรมสรุปการภาวนาที่ปฏิบัติกันมาตลอดคืนแล้วแยกย้ายกลับบ้าน จบการภาวนาสัญจรไปอีกครั้ง กราบอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ เพื่อนๆที่สนใจ ครั้งหน้าเร็วๆนี้ครับ แต่อาจเป็นวัดร้างหรือ สุสาน หรือที่ภาวนาที่สัปปายะอื่นๆ รอติดตามนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น