วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การถวายผ้าอาบน้ำฝน



คำถวายผ้าอาบน้ำฝน

อิมานิ มะยัง ภันเตวัสสิกะสาฏิกานิ,  สะปะริวารานิ,
ภิกขุสีละวันตัสสะ, โอโณชะยามะสาธุ โน ภันเต, ภิกขุ สีละวันโต,
อิมานิ  วัสสิกะสาฏิกานิ,  สะปะริวารานิปะฏิคคันหาตุ,
อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะนิพพานะปัจจะโยโหตุ.

ข้าแต่พระภิกษุผู้ทรงศีลผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวาย,ผ้าอาบน้ำฝน-กับบริวารทั้งหลายเหล่านี้,
แด่ท่านผู้ทรงศีล,ขอพระภิกษุผู้ทรงศีลโปรดรับ,  ผ้าอาบน้ำฝน กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย,
เพื่อประโยชน์,และความสุข,แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานและเป็นปัจจัย-แห่งพระนิพพานด้วยเทอญ.

ผ้าอาบ (ผ้าวัสสิกสาฎก)
ผ้าอาบน้ำฝน คือ ผ้าสำหรับใช้นุ่งในเวลาอาบน้ำฝนหรืออาบน้ำทั่วไป  ผ้าอาบแบบนี้จะทำมาจากผ้าดิบ มาย้อมด้วยสีดินแดง ซึ่งตามพระวินัยแล้วจะไม่ให้ย้อมเป็นสีจีวร มีความกว้างประมาณ 1 หลา ยาว 2 หลา พับและเย็บริมกันผ้ายุ่ย ข้อดีของผ้าอาบน้ำฝน คือ มีความทนทาน เนื้อผ้าไม่บาง นุ่งห่มแล้วไม่โป๊ นอกจากพระป่าจะใช้ผ้าชนิดนี้นุ่งสรงน้ำแล้ว ก็ยังใช้นุ่งในเวลาทำข้อวัตรแทนสบง เพราะเป็นการรักษาสบง
เพราะการทำข้อวัตร ได้แก่ การกวาดลานวัด ตักน้ำ ทำความสะอาดวัด ผ่าฟืน จนไปถึงการทำงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานที่ต้องเสี่ยงกับความสกปรก อาจเลอะสบง การนุ่งซ้อนกับสบงเพื่อไว้เป็นซับใน คลุมตักในเวลาฉันกันจีวรเลอะ เป็นผ้าเช็ดบาตร เป็นต้น ซึ่งผ้าอาบน้ำนอกจากพระจะใช้ในช่วงเข้าพรรษาแล้ว ภายหลังจากออกพรรษา พระท่านจะถอนผ้าให้เป็นผ้าบังสุกุลก่อน แล้วจึงอธิษฐานผ้าใหม่ให้เป็นผ้าบริขาร เพื่อจะใช้ผ้านั้นได้ตลอดไป
ถ้าหากท่านใดจะถวายนอกฤดูถวายผ้าอาบน้ำฝน ก็พึงถวายเป็นผ้าบังสุกุล

ผ้าวัสสิกสาฏก หรือ ผ้าจำนำพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน คือ ผ้าสำหรับใช้นุ่งเวลาอาบน้ำฝน เรียกว่า ผ้าอาบน้ำฝน
ในพุทธกาลพระภิกษุสงฆ์จะไม่มีผ้าอาบน้ำฝน ดังนั้นเมื่อพระภิกษุสงฆ์จะสรงน้ำจึงต้องเปลือยกายเป็นที่ไม่น่ามองของผู้มาพบเห็นเมื่อนางวิสาขามาพบเข้าก็ได้ทูลขอพระบรมพุทธานุญาตจากพระพุทธเจ้าให้พระสงฆ์ได้มีผ้าอาบน้ำสำหรับเปลี่ยนเวลาสรงน้ำในระหว่างฤดูฝน ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตตามที่นางวิสาขาขอ  ดังนั้นนางวิสาขาจึงเป็นสตรีคนแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนหรือผ้าวัสสิกสาฏก ให้แก่พระสงฆ์ในวันเข้าพรรษา

ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน เป็นประเพณีมาตั้งแต่โบราณกาล ในครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 ไปจนถึงเดือน 8 ขึ้น 15 ค่ำ และทรงอนุญาตนุ่งหุ่มได้ตั้งแต่ แรม 1 ค่ำเดือน 8 ไป และห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์แสวงหาผ้านุ่งห่มเลยไปจากทรงอนุญาตไว้


เมื่อทรงกำหนดไว้ดังนี้แล้วครั้งถึงเวลาบรรดาพุทธศาสนิกชน จึงชวนกันบริจาคทรัพย์ของตน และจัดหาผ้าอาบน้ำฝนนำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ที่วัด ทั้งนี้เพื่อมิให้พระภิกษุสงฆ์ต้องกังวลในเรื่องการแสวงหา จะได้ตั้งหน้าประพฤติสมณธรรมโดย มิต้องกังวลจึงเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งที่ควรจะประกอบ เพื่อจรรโลงศาสนาให้รุ่งเรืองถาวรสืบไป