เดิน (จงกรม) ตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง
นี่! เป็นการสร้างบารมี
มันค่อยก้าวไปทีละขั้นๆ
ทีแรกก็ต้องอาศัยขันติบารมี อดทนเอา
แล้วก็อาศัยวิริยะบารมี ความพากความเพียรเอา
แล้วก็อาศัยสัจจะอธิษฐาน เป็นบารมีเคียงคู่ไปด้วย
อาศัยขันติ วิริยะ สัจจะ อธิษฐานนี่
บารมีอันนี้พยายามสร้างขึ้นให้มาก
ในเมื่อสร้างขึ้นให้มากๆ พอแล้ว
ใจมันเป็น ใจมันเป็นแล้ว ทีนี้มันก็เป็นไปเอง
ทำยังไงบารมีจึงจะพอ? สร้างบารมีให้พอคือยังไง?
ก็ต้องทำให้มาก เดินจงกรมก็เดินให้มาก
นั่งสมาธิ ก็นั่งให้มาก นั่งให้มาก เดินให้มากๆ
นี่ล่ะ เป็นการสร้างบารมีให้พอ หนักเข้า นั่งภาวนา
นี่ต้องให้ชนะความเจ็บปวดให้ได้เสียก่อน จึงค่อยเลิก
เดินจงกรมนี่ ให้ชนะขาอ่อนขาเพลียไปเสียก่อน จึงค่อยเลิก
เรียกว่ามันขยับก้าวหน้าไปได้ขึ้นชั้น ถ้าหากว่าเดินจงกรม
ผ่านการเหน็ดการเหนื่อย ผ่านการอ่อนการเพลีย
ทีนี้ ถ้าจะเดินตลอดคืน เดินตลอดรุ่งนี่ ไม่มีปัญหาอะไร
เดินได้อย่างสบาย ไม่ได้เดินอย่างทุกข์ อย่างลำบาก
นั่งภาวนาก็เหมือนกัน นั่งอย่างสบาย ไม่ได้นั่งอย่างทุกข์
ไม่ได้นั่งอย่างทรมาน นี่เรียกว่า บารมีพอ
เอ้า ใครมีความพากความเพียร ใครมีความสัตย์
ความจริง ให้ตั้งอยู่อย่างนี้ ให้ตั้งลงในลักษณะนี้
ผู้นั้น ไม่ว่าผู้เก่า ไม่ว่าผู้ใหม่
จะเห็นความอัศจรรย์ในการปฏิบัติธรรม”
หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น