วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2565

เพียงนั่งภาวนา-ไม่พอ

 3 เมษายน 65 วัดอโศการาม

เช้านำอาหารไปถวายครูจารย์วิทยาและท่านพรชัย ฝนตกอากาศเย็นลงมาก กว่าฝนจะหายก็เกือบเที่ยงแล้วครับ ท่านอาจารย์เมตตาให้คำสอนปฏิบัติภาวนาที่กุฏิจนฝนหายเลยครับ เที่ยงเคลื่อนสรีระสังขารของท่านอาจารย์.สุเมธ บ่ายพระราชทานเพลิงพระครูสุเมธปัญญาคุณ (พระอาจารย์สุเมธ / พระอาจารย์อินทร สุเมโธ) อดีตเจ้าคณะอำเภอฝาง และอดีตเจ้าอาวาสวัดสันติวนาราม
💛ขออนุญาตนำธรรมท่ามกลางสายฝนบางส่วนบางตอนมาแบ่งปันนะครับ💛
💖ท่านว่าการปฏิบัติภาวนานั้นมิใช่ แค่นั่งสมาธิภาวนา เพราะนั้นเพียงการฝึกให้ใจมีกำลังสามารถนำมาใช้ปัญญาพิจารณาตัดกิเลศให้ได้เท่านั้น การภาวนานั้น จะต้องมีสติอยู่ในกายในใจเสมอ มีสติรู้เรื่องที่มากระทบทางกายทางใจ-อายตนะทั้งหก- เมื่อกระทบแล้วเป็นเหตุให้ใจเราเกิดตัณหาคือความอยาก-อยากได้อยากเป็นอยากมี อยากไม่ได้ไม่เป็นไม่มี- เมื่อมีสติรับรู้ในปัจจุบันขณะ ใจเห็นตัณหาความยากที่เกิดขึ้น ก็นำธรรมะมาพิจารณา ตัดตัณหาด้วยอุบายต่างๆ แรกๆอาจต้องทำขณะปฏิบัติภาวนาตามรูปแบบคือนั่งสมาธิ เดินจงกรม ให้ใจสงบแล้วจึงใช้ปัญญาตัดตัณหาความอยากนี้ แต่เมื่อใจมีกำลัง แม้ไม่ได้นั่งสมาธิ-จงกรม ภานาแล้ว แต่ใจยังรักษาสติไว้ได้ สามารถนำธรรมมาพิจารณาแก้ไขตัดตัณหาได้ ตัณหาที่เกิดขึ้นในใจเรานั้นเกิดแถบจะทุกขณะจิตมากมายนัก เราค่อยๆใช้สติธรรมปัญญาธรรม พิจารณาตัดไปที่ละครั้งๆ เมื่อสติปัญญามีกำลังขึ้นก็จะตัดได้เร็วขึ้น เกิดขึ้นปั๊บก็รู้และดับได้อย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่สามารถแสดงออกได้ทางวาจาและทางกายได้เลย เพราะดับไปแล้วที่ใจ*🙏

ไม่มีความคิดเห็น: