ก่อนที่ครูจารย์จะกลับเชียงใหม่ ท่านได้มอบพระพุทธรูป/พระเครื่อง/เหรียญครูจารย์หลวงตาบ้านตาด ให้พวกเราด้วย แต่ก็มีคำสอนกำกับด้วย ท่านว่าพุทธคุณ เป็นของที่มีจริง สำคัญอยู่ เช่นการที่มอบพระให้พกติดตัวหรือห้อยที่คอนั้น เพื่อให้พวกเราได้ระลึกถึงพุทธคุณ จะได้มีความละอายไม่กล้ากระทำผิดศีลผิดธรรม ระลึกถึงพุทโธ/พุทธคุณ ระลึกถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ (ท่านมอบเหรียญองค์หลวงตาด้วย) เพื่อที่จะได้ระลึกถึงพระธรรม ระลึกถึงคำสอน ให้มุ่งกระทำคุณงามความดี ในทุกๆระดับ ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล และภาวนา เมื่อผู้นั้นตั้งอยู่ในศีลในธรรมเช่นนี้ พระเครื่องนั้น ย่อมศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้ามีพระเครื่องอยู่กับตัวแต่ไม่ทำดี ทำผิดศีลผิดธรรม พุทธคุณจะมาได้อย่างใด การเคารพพระรัตนตรัย ก็เป็นเช่นนี้ เราต้องกระทำความดีด้วยตนเอง อย่าไปหวังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆมาทำให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างมงายในศาสนา ต้องมีปัญญา มีพุทโธ -- ตื่นรู้ในใจเสมอ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติจนมีพระ/พุทโธในใจแล้ว จะใส่จะพกพาพระเครื่อง หรือไม่ก็ไม่ต่างกัน เพราะมีพระในใจแล้ว เช่นมีหลวงตาอยู่ในใจทุกลมหายใจแล้ว จะกล้ากระทำสิ่งไม่ดี -ผิดศีลผิดธรรม-ได้อย่างไร พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ย่อมศักดิ์สิทธิ์ อย่างยิ่งสำหรับผู้นั้น บุญไม่ใช่เงินทองความร่ำรวย บุญ-เข้าใจง่ายๆคือความสุขกายสุขใจ- จะทำทานรักษาศีลภาวนา เพื่อเงินทอง ความร่ำรวย ไปทำไม? ต้องมีปัญญาเข้าใจในธรรม พระธรรมจึงคุ้มครอง
ท่านยังฝากไว้อีกเรื่อง การดูแลรักษาถาวรวัตถุของพระพุทธศาสนา การสร้างอาจยากแต่การดูแลรักษานั้นสำคัญมากและยากยิ่งกว่า การนำทรัยพ์สินของมีค่าถวายสงฆ์เป็นสิ่งดีอยู่แต่การประชาสัมพันธ์ออกไปอาจเป็นมีดสองคมให้เกิดการลักขโมยหรือการทำลายศาสนสถานนั้นๆเพื่อหวังของมีค่านั้นๆได้ ให้พวกเราช่วยกันพิจารณาด้วยปัญญากันดูเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น