วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ความเมตตาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์


 ความเมตตาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์

ตลอดเวลาสี่วันที่ครูจารย์บุญมีท่านเมตตาพวกเราไปให้การอบรมการปฏิบัติภาวนาในหลักสูตร "ภาวนาสัญจร" ณ วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยาราชธานี แม้แต่จะเป็นการอบรมปฏิบัติภาวนาระยะสั้น ที่แตกต่างจากการอบรม ณ วัชรธรรมสถาน เพราะเป็นการอบรมนอกสถานที่ ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ และยังมีการไปภาวนา ณ องค์พระเจดีย์ในเวลากลางคืน จนถึงเที่ยงคืนอีกด้วย ถึงจะไม่ได้มีการห้ามมิให้ขยับเคลื่อนไหวร่างกายก็ตาม อย่างน้อยการนั่งภาวนาติดต่อกันสามสี่ชั่วโมงก็จะได้ประสบการณ์ตรงในการใช้ปัญญาแก้ไขเวทนาทั้งในและนอก ระเบียบปฏิบัติก็เหมือนๆกับวัชรธรรม แต่ก็มีคนผิดระเบียบ ตามใจตัวเองบ้าง แต่ก็คงเป็นไปตามอัตตาของเขา พวกเราก็พยายามช่วยกันเต็มที่แล้ว ธรรมบริกรทุกๆท่านจะว่าไม่เหนื่อยคงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ภาวนาสัญจรนี้นับว่าเป็นสิ่งดีๆครั้งหนึ่งในชีวิตนักภาวนา โดยเฉพาะได้ครูบาอาจารย์ผู้มาสอนคือท่านอาจารย์บุญมี ถ้ำเต่าอีกด้วย ครั้งนี้จัดในประเทศหลายๆคนจึงหลุดไปหน่อย สู้จัดต่างประเทศไม่ได้ สิ่งแวดล้อมช่วยด้วยครับ
กราบระลึกในพระคุณพ่อแม่ครูจารย์บุญมี ที่กรุณาพวกเราตลอดมา
ตลอดสี่ห้าวันที่ผ่านมานี้ ขณะที่ท่านกำลังอาพาธอยู่ มีการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจมาก่อนประมาณเกือบหนึ่งสัปดาห์ และยังมีอาการปวดร่างกายอีกด้วย แต่ท่านก็ยังเมตตารับนิมนต์มาสอนให้พวกเราแม้แต่จำนวนคณะเรามีเพียงแค่30คนเท่านั้น ท่านบอกกับเราว่า ท่านเห็นความสำคัญในการปฏิบัติภาวนา ท่านเห็นประโบยชน์จึงเสียสละแรงกายแรงใจ ทุ่มเทเผยแผ่คำสอนของพระบรมศาสดา ดังที่พวกเราเห็นว่าท่านมักจะไปแสดงธรรมะปฏิบัติให้ผู้สนใจได้รับฟังอยู่เสมอๆ ท่านมักจะบอกเสมอๆว่าขณะฟังให้ภาวนาไปด้วย เพราะการฟังก็ทำให้จิตสงบและใช้ปัญญาพิจารณาตามไปได้อย่างดีอีกด้วย แต่การปฏิบัติภาวนา จะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลได้อย่างดี ผู้ปฏิบัติภาวนามักมีปัญหาข้อแรกนี้ คือไม่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง อีกข้อหนึ่งก็คือมีความเพียรย่อหย่อน ขาดวิริยะ มักจะบอกเสมอๆว่าปฏิบัติเองที่บ้านไม่ได้ ทำที่ที่ทำงานก็ยาก พอขาดซ้อมบ่อยๆก็เลยต้องเลิกกันไป การที่เราสร้างวัชรธรรม หรือจัด"ภาวนาสัญจร" ก็เป็นเพราะเหตุนี้ 1.คือจัดหาสถานที่/อาหาร/อากาศ สัปปายะให้ 2. คือ การจัดมาภาวนาร่วมกัน ในข้อกำหนด ระเบียบ ที่เคร่งครัดเพื่อให้เกิดความสัปปายะแก่ผู้อบรมปฏิบัติธรรม 3.คือมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เมตตามาเป็นหลักในการอบรม ครูจารย์ที่สามารถสอนธรรมะปฏิบัติ ซึ่งท่านได้มีประสบการณ์ตรงผ่านมาแล้ว ได้เห็นได้รู้ชัดเจนจนสอนได้แล้ว มาเป็นครูบาอาจารย์ให้ความรู้สั่งสอนอบรมพวกเรา
ทั้งสามข้อนี้ ข้อสามสำคัญที่สุด ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน สอนได้แต่ทำไม่ได้ บางท่านไม่เห็นประโยชน์ของการอบรมปฏิบัติภาวนาเป็นกลุ่ม หลายๆท่าน บางท่านไม่อาจทนรับภาระที่ต้องดูแลผู้ปฏิบัติต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน แม้เพียงแค่สองสามวันก็ตาม การที่มีครูบาอาจารย์อย่างพระอาจารย์บุญมี เมตตามาสอนเรานั้น นับว่ามีค่ากว่าเพชร กว่าทอง และก็คงจะเป็นเช่นนี้ไปได้อีกไม่นาน นับวันครูจารย์ท่านก็จะมาสอนเราได้ลำบากขึ้นๆ เพราะงานนี้เหนื่อและหนักมาก เพราะที่วัชรธรรมสถานเองปัจจุบันครูบาอาจารย์ที่เมตตามาสอนก็มีเพียงสามท่านเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ท่านอื่นเมตตามาสานงานเหล่านี้ต่อไป กิจกรรมเช่นนี้จะเป็นเช่นไร มิอาจคาดคิดได้จริงๆครับ
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง และสถานที่ในร่ม
คุณ, Kanchana Limthawonkit, ปิโยรส ปรียานนท์ และคนอื่นๆ อีก 88 คน
ความคิดเห็น 22 รายการ
แชร์ 7 ครั้ง
ห่วงใย
ห่วงใย
แสดงความคิดเห็น
แชร์

ไม่มีความคิดเห็น: