วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ค่ายฝึกพูด
ค่ายฝึกพูด
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551
กลับจากออกหน่วยที่รพ.ฝาง
มีเด็กปากแหว่งเพดานโหว่หลายคนมานอนรอผ่าตัดอยู่แล้วชมบรรยากาศในรูปได้
คืนที่เสร็จก็ไปนอนที่วัดถ้ำปากเปียงสนทนากับพระอจ.เจริญ และภาวนาในถ้ำทั้งคืน
วันรุ่งขึ้นแวะไปดูรร.ของหนูที่ดอยอินทนนท์ บ้านหลวง อ.จอมทอง มีคุณครู เอ คนเดียวดูแลเด็กๆอยู่32คนก่อนวัยเรียน ป1...คน และ กสน.อีก10+คน เราเลยขอรายละเอียดที่จะให้ความช่วยเหลือและนำเข้าในโครงการปีหน้าต่อไป
ขากลับแวะทำบุญวัดถ้ำปากเปียง ถ้ำผาปล่อง วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดพระพุทธบาทเขารวก(ลป.โง่น)
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2551
งานมุทิตาจิต95ปีหลวงตาพระมหาบัว
ถวายผ้าอาบน้ำฝน
+ผ้าจำนำพรรษา อุดรฯ 51
10 ส.ค.
เช้า ออกจาก รพ.07.30น.ไปอุดร TG1002 ถึงอุดรฯ 10.30 น. เดินทางออกจากเมืองอุดรฯไปสกลนครใช้ทางหลวงหมายเลข 22 วัดแรกได้แก่ วัดพระธาตุเชิงชุม1 ห่างจากอุดร 150กม. กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ โดยท่านเปิดให้เข้าไปกราบถึงภายในองค์พระธาตุ องค์พระธาตุกำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่แล้วออกเดินทางต่อไป วัดป่าสุธาวาส 2 กราบนมัสการอัฐิธาตุพระอจ.มั่น และลป.หลุย ปกติหลวงตาพระมหาบัวท่านจะมากราบที่นี่ทุกเดือนๆละ2ครั้งเป็นการส่วนองค์ท่าน ออกมาจาก อ.เมืองไปทางทางหลวงหมายเลข 223 แวะวัดป่าวิสุทธิธรรม3 อ.โคกศรีสุวรรณ บ้านเกิดพระอจ.กงมา กราบกุฏิพระอจ.มั่น พระอจ.อุ่น ออกจากวัดแวะกราบกุฏิพระอจ.มั่น ณ วัดป่านาคนิมิตย์4 ถวายผ้าจำนำพรรษาละผ้าอาบน้ำฝนพระอจ.กว้าน ระหว่างทางฝนตกหนักมากเลยไม่ได้เข้าวัดดอยฯตรงไปกราบนมัสการ พระธาตุพนม 5 ในวันครบรอบ33ปีพระธาตุพนมหัก ถวายผ้าไตรและปัจจัยไทยธรรม เสร็จแล้วไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำหน้าพระธาตุ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปเยี่ยมนพ.สุธี รองผอ.รพ.มุกดาหาร
11 ส.ค.
เช้าเริ่ม06.00น.ไป วัดภูจ้อก้อ 6 นมัสการอัฐิธาตุ ลป.หล้า ถวายจังหันและเครื่องไทยธรรมเสร็จแล้วไปวัดผาน้ำทิพย์7และเยี่ยมชมพระมหาเจดีย์ชัยมงคลของลป.ศรีฯที่ผาน้ำย้อย เสร็จไปแล้วหนึ่งในสามส่วนได้ เริ่มสร้างปี2527 ออกจากหนองพอกไปเขาวงเข้าไป วัดป่าภูผาผึ้ง 8 นั่งภาวนาอยู่2ชม. แล้วกราบพระ อจ.อ้ม ก่อนไป วัดป่าหนองผือ 9 มหาวิทยาลัยใหญ่ของพระกรรมฐานในอดึต กว่าจะถึงวัดก็เย็นมาก ดีที่มีทางลัดจากบ้านนาโคกกุงออกมาที่ภูพานได้จึงใช้เวลาน้อยลงมากๆ ออกจากวัดไปพังโคน มีทางลัดอีกแต่ทางแย่มากๆ7-8กม. ก่อนจะเข้าไปพักที่ จ.อุดรฯ เวลาทุ่มครึ่ง
12 ส.ค.
วันครบรอบ95ปี หลวงตาพระมหาบัว กราบถวายปัจจัยไทยธรรม ณ วัดป่าบ้านตาด 10 เข้าวัดตั้งแต่ตีห้าถึงวัดจอดรถได้เกือบเจ็ดโมงเช้า ช่วยโรงทานคุณป้า ถาวราฯ นิดหน่อยรับพรเสร็จแล้วเข้า วัดป่าโยธานิมิตย์ 11 วัดที่หลวงตาอุปสมบท เจ้าอาวาส พระอจ.ก้อนสิ้นแล้วแต่ยังไม่มีผู้ขึ้นมาแทน พบหลวงพี่มาจากวัดถ้ำสหาย พักอยู่ที่กุฏีเดิมของหลวงตาจึงกราบถวายผ้าจำนำพรรษาผ้าอาบฯลฯ ก่อนไปดูอุโบสถที่กำลังสร้างใหม่ หลวงตาให้ปัจจัยมา1ล้านบาท ต่อไปกราบหลวงปู่ถิรฯวัดบ้านจิก12 ท่านมีพระคุณกับมูลนิธิฯมากครับ เจ้าอาวาสไม่อยู่ไปจำพรรษาที่ซิดนีย์ เป็นรองพระธรรมทูตอยู่ ออกมาไปวัดโพธิสมพรณ์13 กราบนมัสการพระอจ.จันทร์ศรี ท่านมีไข้เล็กน้อยและกำลังฉันอยู่เราเลยไปดูเจดีย์ที่หลวงตามาทำกฐินให้ปีที่แล้ว สวยมากและใกล้เสร็จแล้วครับ วัดสุดท้ายได้แก่วัดป่าสีทน14 กราบนมัสการหลวงปู่อ่อนสา ท่านเพิ่งออกมาจากรพ.อาการดีขึ้นมาก มีหมอจากรพ.ค่ายมาดูแลให้ อนุโมทนาบุญครับ
900กม.ใน6จังหวัดอิสานตอนบน
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ความหมายของคำว่าเพื่อน
Good or Bad Hard to Say
นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชาองค์นี้มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆ ที่
One day, the king was bitten by a dog, the finger was injured and the wound was getting worse. He asked the follower if that was a bad sign. The follower said, 'Good or bad, hard to say'.
แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรนมาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า 'ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก'
In the end, finger of the king was too bad that had to be cut. The king asked the follower again if that was a bad sign. Again, the follower gave the same answer, 'Good or bad, hard to say'.
และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้วและพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า 'ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก'
The king became very angry and sent the follower to prison. พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก
One day, the king went hunting in the jungle. He got excited when he was on the chase of a deer. Deeper and deeper he went inside the jungle.
วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
In the end he found himself lost in the jungle. To make things worse, he got captured by the native people lived inside the jungle.
เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น
They wanted to sacrifice him to their god. But when they noticed that the king had one finger short, they released him immediately as he was not a perfect man anymore and not suitable for sacriface.
คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ แต่พวกเขาก็พบว่า พระราชานิ้วขาดจึงรีบปลดปล่อยพระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ
The king managed to get back to his palace after all.
พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด
And he finally understood the follower's wise quote, 'Good or bad, hard to say'. If he hadn't lost one finger, he could have been killed by the native people.
และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า 'ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก' เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน
He ordered to release the follower, and apologized to him.
พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา But to the king's amaze, the follower was not mad at him at all. Instead, the follower said,
แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า
'It wasn't a bad thing that you locked me up.' Why? Because if the king hadn't locked the follower up, he would have brought the follower along to the jungle. If the native found that the king was not suitable, they would have used the follower.
มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้ ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่
Again, the quote 'Good or bad, hard to say' stands.
อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก The moral of the story is that everything that happens in this world, there is no absolute good or bad.
เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือไม่ดี
Sometimes good things turned out to be bad things eventually, while bad things become a gain .
บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้
Whatever good things that happen to you, enjoy it, but don't have to hold too tight to it, treat it as a surprise in your life.
สิ่งดีๆ อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ
Whatever bad things that happen to you, don't have to feel too sad or despair , in the end, it might not be a total bad thing after all.
อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย
If one can understand this, he or she will find life much easier
ถ้าพวกเราเข้าใจได้อย่างนี้ พวกเราจะพบว่า การใช้ชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
The Secret กฏแห่งความดึงดูด
เคล็ดลับที่จะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จของชีวิต โดยเชื่อใน
“Law of Attraction” กฎแห่งการดึงดูด เพราะจิตของเรามีพลังอำนาจ
มหาศาล พูดง่ายๆก็คือ ให้คิดแต่สิ่งที่ดี แล้วสิ่งดีๆ จะถูกดึงดูดเข้ามาหาเราเอง
“นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับการมีชีวิตอยู่ เพราะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์เรา มีอำนาจถึงขั้นใช้เพียงปลายนิ้วก็หาความรู้ได้”
ความลับที่จะทำให้คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ความลับในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งด้าน
การเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ ความสุขและปฏิสัมพันธ์ทุกรูปแบบของคุณในโลกนี้ คุณจะเริ่มเข้าใจพลังอำนาจภายในตัวเองที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นมานานและสิ่งที่เปิดเผยนี้จะนำมาซึ่งความ ยินดีในทุกๆด้านชีวิตของคุณ
ความสำเร็จ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจใน 3 กระบวนการ ดังนี้
กระบวนการที่ 1 : Attraction Process หรือ กระบวนการสร้างแรงดึงดูด
โลกของเรามีแรงดึงดูด ที่เป็นพลังงานที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกเราสามารถสัมผัสมันได้ ผ่านกระบวนการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ตัวเราเองก็สามารถสร้างแรงดึงดูดได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะวิ่งเข้ามาหาเรา..คุณต้องการสิ่งที่ดีหรือไม่ดีหละ คงไม่มีใครต้องการสิ่งไม่ดี และคงไม่มีใครไม่ต้องการสิ่งดีดี ทุกคนต่างต้องการสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ต่างๆก็ล้วนแต่ต้องการสิ่งดีดี ทีนี้เราจะสร้างแรงดึงดูดอย่างไร ให้มีแต่สิ่งดีดีเข้ามาหละ
The secret ได้บอกหลักสำคัญๆของแหล่งแรงดึงดูดสิ่งดีดี ไว้ดังนี้
1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):
ทุกความคิดมีแรงดึงดูด เคยสังเกตุมั๊ยว่า หากเราคิดคำนึ่งหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
บ่อยๆๆ เรื่องนั้นก็มักเกิดขึ้นจริง ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิดจากการคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆเป็นคิดถึงแต่สิ่งที่ดีดี บ่อยๆ คลื่นความคิดเราก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูด ดูดสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิตในประเด็นนี้ หากเรามองในทางธรรมแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ชอบพูดกันว่า คิดดี ทำดี พูดดี ..สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเราก็คงดีเหมือนกัน
1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :
เหมือนเป็นการมีสติ กำหนดรู้ว่า ขณะนี้เราคิดอะไร คิดดีหรือคิดเลว เมื่อเรารู้เท่าทัน
ความคิดเราเมื่อไหร่ เราก็สามารถคัดแยกความคิดเลวออกจากความคิดดีได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะยับยั้งความคิดเลว และดำเนินความคิดดีดีต่อไป
2 เคยสังเกตุตัวเองกันมั๊ย หากเมื่อเราคิดเลว อารมณ์ที่ไม่ดี ก็จะเกิด แต่หากเมื่อไหร่เรา
คิดดี ความสบายใจ อารมณ์ที่ดีก็จะเกิด อารมณ์เป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำ คนที่ไม่รู้เท่าทัน ไม่รู้จักควบคุมความคิดเลว อารมณ์เลว ก็จะโกรธง่าย เกลียดง่าย ฉุนเฉียวง่าย สิ่งเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าและร่างกายออกสู่ภายนอก สิ่งที่สะท้อนจากภายนอกกลับมาหาตัวคุณก็คงไม่ใช่สิ่งดีนักหรอก แต่ในทางกลับกัน คนที่คิดดี รู้เท่าทันระงับความคิดและอารมณ์เลว สิ่งดีดี จากจิตใจก็จะถูกทอดผ่านร่างกายให้แสดงออกมาแต่ในสิ่งดีดี สิ่งที่คุณได้รับก็จะเป็นสิ่งดีด้วยเช่นกัน เมื่อคุณรู้สึกดี ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆก็จะบังเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย อนาคตของคุณขึ้นกับความคิดของคุณแล้วและสร้างคิดดี อารมณ์ดี โดย รู้จักมีความพึงพอใจ (Scarification) รู้จักชื่นชมผู้อื่น
(Appreciation) มีความหวัง (Hope) มีความสุข (Happiness) รู้จักสนุก ร่าเริง(Joy) รู้จักขอบคุณ (Gratitude) รู้จักรักทั้งตัวเอง ผู้อื่น และสิ่งอื่นรอบตัว (Love) เป็นต้น
ละทิ้ง ความคิดเลว อารมณ์เลว โดย ตัดความหวาดกลัว (Fear) ความกดดัน เครียด
(Depression) ผิดพลาดเลอะเทอะ (Fault) ไม่พอใจขุ่นเคือง (resentment) ความเกลียด(Hate) ความโกรธ (Angry) การตำหนิติเตียน (Criticism) การกล่าวโทษนินทา (Blame) เป็นต้น
ความเครียด ความคิดเชิงลบ ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัว เศร้าหมอง ส่งผลต่อระดับการทำงานของร่างกายและสมองที่ลดลงเสมอ
the secret แนะกระบวนการสร้างสรรค์ (Creative process) ไว้ให้ 3 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการร้องขอ (Ask) : เหมือนคุณมี ตะเกียงวิเศษ เมื่อถูเจ้ายักษ์ออกมาแล้ว คุณต้องร้องขอ คุณต้องคิดให้พลังแห่งจักรวาลรับรู้ว่า คุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง แล้วคุณจะได้สิ่งนั้นมา..นั่นแหละ หากสิ่งที่คุณคิด..ไม่ดี..สิ่งที่คุณได้ก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน แต่หากคุณคิดดีสิ่งที่คุณได้ย่อมดีเสมอ ในขึ้นตอนนี้เทคนิคที่ the secreat แนะนำ คือ การเขียนสิ่งดีดี คุณสามารถเขียนสิ่งดีดี ที่คุณต้องการในสมุดบันทึกได้ทุกวัน เพื่อให้คุณจดจำสิ่งดีดีที่คุณต้องการมันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจลึกๆๆในใจ ให้คุณพยายามทำให้สิ่งที่คุณต้องการจนสำเร็จ
ขั้นที่ 2 ขั้นตอนแห่งความเชื่อ (Believe) : จงเชื่อในสิ่งดีดี ที่คุณพึงอยากได้ ว่าคุณจะต้องได้มา ศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นจริง เมื่อไหร่ที่คุณพลาดจากหวัง จงเชื่อเสมอว่าหากหวังและพยายามต่อไป วันหนึ่ง ฝันคุณจะเป็นจริง กรณีนี้ คงเข้าตำราคนไทยที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากเราเชื่อ และพยายามทำในสิ่งที่เราเชื่อ สักวัน สิ่งนั้นจะสำเร็จดังฝัน
ขั้นที่ 3 ขั้นตอนแห่งการรับ (Receive) : เป็นการยอมรับ ทั้งสิ่งที่สมหวังและผิดหวัง การ
ผิดหวัง หากเรายอมรับเราสามารถนำมันมาทบทวน ไตร่ตรองได้อีกรอบ แล้วเราจะเห็น
3 ข้อผิดพลาดอันนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุง
1.3 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดีดี :คุณเคยสังเกตุมั๊ย หากวันไหนคุณตื่นมาพร้อมอารมณ์ที่ขมุกขมัว วันนั้น คุณอาจปวดหัว อะไรก็ดูช่างหงุดหงิดในสายตาของคุณไปเสียทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นคน การจราจร หรือ สิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสามารถตื่นขึ้นมาพร้อมกันความรู้สึกดีดี สมองคุณก็จะแจ่มใส จิตใจก็จะเบ่งบาน พร้อมที่จะมีสติรับรู้เรื่องราวต่างๆในวันนั้น ได้อย่างต่อเนื่องและ มีสมาธิในการไตร่ตรองแยกแยะ พิจารณาสิ่งที่ ผิด ถูก ชั่ว ดี ได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อคุณได้กรองและเลือกที่จะรับแต่สิ่งดีดีแล้ว อารมณ์ก็จะดียิ่งขึ้น สิ่งที่แสดงออกมาจากตัวคุณ ก็ดี สิ่งที่คุณจะได้รับต่อไป ยิ่งดี
เมื่อใดที่เรารู้สึกแย่ ท้อถอย the secret แนะให้มองสิ่งที่สวยงาม การได้ฟังเพลงดีดี
เพลงเชิงบวก การได้มองเด็กๆที่สดใสร่าเริง การได้ชมดอกไม้สีสวยๆที่กำลังเบ่งบาน การได้เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว การได้เล่นกีฬา การได้ออกไปท่องเที่ยว เพราะ the secret เชื่อว่า "เมื่อคนรู้สึกรัก สิ่งดีดีก็จะเข้ามาในชีวิต"
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเราจะรู้กันเองนานแล้ว ใช่ป่าว เพราะเราคงได้ยินกันบ่อยๆว่า
ความรักทำให้โลกสดใส โลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะรักแบบไหน แต่ต้องเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจจึงจะไม่เป็นทุกข์...รักทำให้คนสามารถมองโลกได้ในแง่ดีเสมอ...
1.4 อย่าลังเลกับสิ่งที่จะลงมือทำ :
สิ่งดีดี โอกาสคอยเราอยู่เสมอ เมื่อเราสามารถสร้างแรงดึงดูดได้แล้ว สิ่งที่สะท้อน
กลับมา เมื่อเราหยุดคิดอย่างรอบคอบแล้ว อย่าลังเลที่จะรับ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยเพราะหากคุณไม่เริ่มผลคงไม่เกิด เราไม่จำเป็นต้องเห็นตลอดทั้งเส้นทางหรือเห็นทางทั้งหมดแต่หากคุณเริ่มและลองดู คุณอาจจะเห็นทางอีกหลายทางซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
1.5 รู้จักพอเพียง :
การรู้จักพอ จะสร้างความสุขที่แท้จริง คนเราทุกวันนี้ ล้วนแต่เอากิเลสเป็นที่ตั้ง อยาก
ได้สิ่งต่างๆมากมายจนเกินความจำเป็นความพอดี ข้อนี้ คงเข้ากับหลักพุทธศาสนา หรือ
แม้กระทั่ง หลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้เป็นอย่างดี เมื่อรู้จักพอ ความสุขก็เกิด ความเหนื่อยล้า แห่งการดิ้นรนก็น้อยลง ทำให้คนมีเวลาที่ จะคิดทบทวนไตร่ตรองสิ่งต่างๆในความคิด ได้ดีขึ้น ดังนั้น ความพอเพียงคงแยกกันไม่ออก จากข้ออื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น
กระบวนการสร้างแรงดึงดูด โดยสรุปแล้ว หากเราต้องการพบความสุขและความ
สมหวังที่แท้จริง เราก็ควรมุ่งเน้นที่สร้างแรงดึงดูดที่ดี เราต้องหัดปรับเปลี่ยนความคิดทัศนคติไปในทิศทางที่ดีหากเราคิดดี ทำดี สิ่งสะท้อนออกไปดี สิ่งที่เราได้รับก็จะดี เมื่อทุกคนทำได้ โลกก็จะเป็นสุขและพัฒนาในทิศทางที่ดี...
4 the secret บอกว่า ทุกวันนี้คนเรามันใช้คำพูดว่า "ต่อต้าน" ในการรณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำให้การรณรงค์เหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จซักที ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดเชิงลบ จากคำว่า "ต่อต้าน" เป็นคำพูดเชิงบวก คำว่า "ส่งเสริม" คงจะดีกว่า อาทิเช่น
แทนที่จะต่อต้านสงคราม ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนสันติภาพ
แทนที่จะต่อต้านความยากจนอดอยาก ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนผู้คนให้มีอาหารกิน
แทนที่จะต่อต้านพรรการเมืองใดเป็นพิเศษ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น สนับสนุนพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคนั้นหากทุกคนเพื่งไปยังสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งนั้นมันคงยังวนเวียนในหัวสมองของทุกคน แล้วในที่สุดมันก็เป็นการตอกย้ำและดึงดูดให้สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการนั้นเกิดขึ้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า "ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ" นั่นเอง ดังนั้น ทุกคน ควรเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งและละความสนใจไปจากสิ่งที่เราไม่ต้องการ
กระบวนการที่ 2 : Gratitute หรือ รู้จักขอบคุณ และชื่นชม
การรู้จักขอบคุณ ขอบคุณสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ สิ่งที่คุณมี สิ่งคุณเป็น ด้วยใจจริง ตัวอย่างเช่นแทนที่คุณจะมองว่าของขวัญจากเพื่อนมูลค่าน้อยนิด คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่มีเพื่อนที่น่ารัก เพื่อนยังคิดถึงเราเสมอแทนที่คุณจะน้อยใจว่าพ่อแม่ดุว่า คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้ยังได้ยินเสียงของพ่อแม่ และท่านยังได้มีทุกข์สุขร่วมกันเราแทนที่คุณจะมองว่าอาหารมื้อนี้น้อยเกินไป กินไม่อิ่ม คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้คุณยังมีข้าวมีอาหารให้ได้กินแทนที่คุณจะมองว่างานหนักเหนื่อย เงินเดือนน้อย คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณยังมีงานทำยังมีเงินเดือนใช้
แทนที่คุณจะมองว่าเช้านี้รถติดน่าเบื่อ เปลืองน้ำมัน คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณโชคดียังมีรถขับ ขอบคุณที่ฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก ขอบคุณที่ได้ที่นั่งบนรถเมล์ ขอบคุณที่ได้ยืนถือเป็นการออกกำลังกายอีกวัน เป็นต้น หากคุณสามารถมองสิ่งรอบตัวในมุมที่ดีดีได้ คิดเชิงบวกกับสิ่งเหล่านั้นได้ และสามารถ ขอบคุณสิ่งเหล่านั้นได้ และชื่นชมอย่างจริงใจ คุณก็จะสามารถสร้างแรงดึงดูดดีดี ให้กับชีวิตคุณได้ไม่ยาก
5กระบวนการที่ 3 : Visualize หรือ รู้จักสร้างภาพ
การสร้างภาพในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการให้โกหกหลอกลวง สร้างภาพให้ดูดี ในสายตาคนอื่นแต่การสร้างภาพในที่นี้ หมายถึง การสร้างจิตนาการแห่งความหวังของคุณให้เป็นภาพออกมาเช่นหากคุณต้องการมีบ้านสวย คุณลองวาดภาพบ้านในฝันของคุณออกมาดูซิ คุณก็จะมีความหวังแรงบันดาลใจ พลังในจิตใจให้เกิดความพยายามในการสร้างสรรค์แนวทางที่จะให้ได้มาซึ่งบ้านในฝันของคุณไม่เฉพาะสิ่งของ แม้แต่บุคคลหากเราฝันมันก็อาจเป็นจริง เชื่อได้ว่า ข้อนี้ ทุกคนก็คงเคยฝันถึงคนในอุดมคติ ที่คุณสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้ ความลับข้อนี้ มันอาจถูกเปิดเผยมานานแล้วแต่เพียงแต่เรายังไม่ทราบเท่านั้นเองว่า มัน คือ ช่องทางแห่งความสำเร็จการสร้างภาพ มันก็เหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง ด้วยภาพ ที่อาจสร้างขึ้นมาในสมอง ในจิตใจ หรือ วาดออกมาให้เห็นจริงๆในวัสดุใดใด การสร้างภาพ ไม่ได้จำเพราะเพียงรูปภาพแต่หมายรวมถึง ภาพของอักษรที่ร้อยเรียงคำพูด การกระทำของทั้งตัวเราเองและคนอื่นที่เราต้องการขอบคุณและชื่นชม เช่น หากคุณมองภาพดีดี หรือเขียนคำชื่นชมลูก สามี ภรรยาเจ้านาย ลูกน้อง ทุกวัน ก็จะทำให้คุณมีทัศนคติและความสัมพันธ์ที่ดีต่อพวกเค้า เป็นต้นหากคุณได้เพ่งมอง และรู้จักชื่นชมภาพเหล่านี้ทุกวัน แรงดึงดูดภายในจิตใจคุณก็จะถูกสร้างขึ้น สิ่งที่คุณฝันก็จะบังเกิด ดังนั้น หากคุณสร้างภาพในใจ ในสมอง ในความคิด ที่เป็นสิ่งดีดีสิ่งที่น่าชื่นชม ปฎิกิริยาต่างๆของคุณก็จะแสดงออกมากับสิ่งเหล่านั้นดี ปัญหาความขุ่นใจก็จะ
ถูกลบเลือนออกไป แล้วสิ่งดีดี ก็จะบังเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน
ข้อคิดจากคำคม ใน The secret
"Whatever you're thinking and feeling today is creating your future"
"อะไรก็ตามที่คุณคิดและรู้สึกในวันนี้ คือ สิ่งที่สร้างอนาคตของคุณ"
"Your thaught and you feeling create your life"
"ความคิดและความรู้สึกของคุณ สร้างชีวิตคุณ"
"You create your own universe as you go along"
"คุณสามารถสร้างจักรวาลของคุณเองได้ ในทุกขณะที่คุณดำเนินชีวิต"
" Take the first step in faith you don't have to see the whole staircase just take thefirst step""เริ่มก้าวแรกด้วยความศรัทธา คุณไม่จำเป็นต้องเห็นขั้นบันไดทั้งหมด คุณแค่เริ่มต้นที่ก้าวแรก"
6"When you want to change your circumstance you must first to change your
thinking"
"หากคุณต้องการสิ่งที่เป็นอยู่รอบตัวคุณ คุณต้องเปลี่ยนความคิดคุณเป็นอันดับแรก"
"Imagination is everything. It is the preview of life coming attractions"
"จิตนการคือทุกสิง มันเปรียบเสมือนภาพของชีวิต ที่กลายเป็นแรงดึงดูด"
"Whatever the mind of man can conceive, it can achieve"
"อะไรก็ตาม ที่จิตใจของคนสามารถคิดได้ มันก็สามารถนำมาครอบครองได้"
"We are a creator of our universe"
"พวกเราคือผู้สร้าง สรรรค์จักรวาลของพวกเราเอง"
"Energy flows when attention goes"
"พลังงานจะไหลลื่น เมื่อความมุ่งมั่นเกิดขึ้น"
"The relationship will really work, we need to focus on what we appreciate about the other person, not only complaining about"
"ความสัมพันธ์จะดำเนินไปด้วยดี หากคุณรู้จักชื่นชมสิ่งที่คุณประทับใจบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่การบ่น ดุด่า หรือตำหนิ"
"We can not control other people, no matter how are we try"
"เราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากซักแค่ไหนก็ตาม"
" All power is from within and is therefore under our own control"
"พลังอำนาจทั้งหมดมาจากภายใน ฉะนั้นมันควรอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา"
" You are the designer of your destiny. You are the writher who write your story.The pen is in your hand and the outcome is whatever that you choose"
"คุณคือผู้ออกแบบชะตาชีวิตของตัวคุณเอง คุณคือผู้แต่งเรื่องราวของคุณเอง
ปากกาอยู่ในมือของคุณแล้ว และผลท้ายสุดที่ได้ ก็ขึ้นกับที่คุณจะเลือกเอง"
“เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะรู้สึกแย่ ในขณะที่คิดอะไรดีๆ” … Charles Haanel
“สิ่งที่คุณต่อต้าน จะยิ่งทานทน” … Carl Jung (1875-1961)
7“ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณทำได้ หรือคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น” ..
Henry Ford (1863-1947)
สุดท้ายนี้ โปรดจงพึงระลึกอยู่เสมอว่า...
** หากต้องการลดน้ำหนัก อย่ามุ่งคิดถึงแต่การ ลดน้ำหนัก แต่จงรวมศุนย์ความคิดไปที่
น้ำหนักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ จงรู้สึกถึงความรู้สึกยามที่น้ำหนักตัวของคุณพอเหมาะที่สุด แล้วคุณก็จะได้น้ำหนักตัวเท่านั้น ** จักรวาลไม่ต้องใช้เวลาในการนำมาซึ่งสิ่งที่คุณปรารถนา จะหนึ่งดอลล่าร์หรือล้านดอลล่าร์ก็ง่ายพอกัน
** สิ่งที่ปรากฏในปัจจุบันของคุณ เป็นผลจากการกระทำในอดีตของคุณนั่นเอง**
**หลายครั้งที่คุณพยายามให้สิ่งบางสิ่ง คนบางคน สถานที่บางสถานที่ สร้างความสุขให้คุณแต่ความสุขนั้นกลับไม่เกิดขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งเดียว คนเดียว และสถานที่เดียวที่จะสร้างความสุขอย่างแท้จริงให้กับคุณนั้น คือ ใจของคุณเอง ตัวของคุณเอง เท่านั้น**
** มันไม่ใช่น่าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนผู้คนรอบๆตัวคุณ งานและหน้าที่ของคุณ คือ ทำตัวให้สอดคล้อง เหมาะสม เพียงพอ และ พอใจ กับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ และมุ่งมั่นให้ดีขึ้น**
** ทุกสิ่งคือพลังงาน เปลี่ยนแปลงถ่ายเทได้ จิตใจเท่านั้นที่สามารถควบคุม และเปลี่ยนแปลงทิศทางของพลังงานได้ คุณจะถ่ายเทให้พลังงานวิ่งไปจุดใด ทิศทางใด ดีหรือเลว ก็ขึ้นกับตัวคุณ**
** คุณเป็นต้นตอของพลังงานทั้งหมดในโลก คุณ คือ พระเจ้า ที่ปรากฏกายในร่างของมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ**
** พลังงานไร้พรหมแดนฉันท์ใด ศักยภาพไร้ขอบเขตฉันท์นั้น คุณจะเดินทางไปได้ทุกที่ตราบเท่าที่คุณหวัง**
** สร้างวันของคุณไว้ล่วงหน้า ด้วยการคิดถึงวิถีทางที่คุณต้องการให้วันของคุณดำเนินไปแล้วคุณจะสามารถสร้างชีวิตของคุณเองได้จากความตั้งใจ
8 ** ความสามารถทั้งหมด ความปิติทั้งหมด ความรักทั้งหมด ความสมบูรณ์ทั้งหมด ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมด มีพร้อมอยู่แล้วและรอคอยให้คุณมาคว้ามันไป เมื่อคุณกระหายมัน อยากได้มัน คุณต้องตั้งใจจริง และมื่อคุณตั้งใจจริง และปรารถนาอย่างแรงกล้าถึงสิ่งนั้นที่คุณต้องการ สิ่งนั้นจะมาหาคุณ จงจดจำความสวยงามที่อยู่รอบตัวคุณ อวยพร ขอบคุณและชื่นชมมัน ในอีกด้านหนึ่งสำหรับสิ่งที่ยังไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการให้เป็นในตอนนี้ จงอย่างทุ่มเทพลังงานให้กับมัน อย่าตำหนิ อย่าบ่น จงยินดีกับทุกสิ่งที่คุณต้องการและได้รับแล้วคุณจะมีมันมากขึ้นอีก**
** เริ่มฝึกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ก่อน เช่น กาแฟสักถ้วย หรือที่จอดรถ นี่เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยคุณได้สัมผัสกับการทำงานของกฏแห่งการดึงดูด จงตั้งใจและจริงจังที่จะดึงดูดอะไรสักอย่างที่เล็กๆก่อน เมื่อคุณได้ประจักษ์ในพลังดึงดูดของตนเองแล้ว คุณก็สามารถยกระดับขึ้นสู่การสร้างอะไรที่ใหญ่กว่านั้นได้
ขยะ... ที่อยู่ในใจ
ขยะ... ที่อยู่ในใจ
ทำไมบางคนถึงทุกข์ร้อน วิตกกังวล กระวนกระวาย ไม่สบายใจ ไม่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ
คำตอบง่ายมาก เพราะเขาแบกความคิดและความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ ไม่ปลดปล่อย ไม่ปรับเปลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นขยะหรือคราบสกปรกเกาะติดหัวใจ เวลามีอะไรมากระทบหรือสัมผัสกับความรู้สึก ก็จะมีคราบเปื้อนเหล่านี้เข้าไปเจือปน ความสดใสที่ควรจะมี จึงมีได้ไม่เต็มที่
ทำไมเราจึงปล่อยให้ใจเป็น "ถังขยะ" ล่ะ
คำตอบก็คือ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอก ว่าเราแอบทิ้งขยะลงไปในใจของเราเอง หรือมีใครทิ้งขยะลงมาในหัวใจของเราบ้าง ถ้าเราไม่หมั่นสำรวจ บางทีเราอาจมีขยะรกเรื้อหัวใจอยู่มากมายเลยก็ได้ อะไรบ้าง ที่เป็นขยะหัวใจ
1. ความไม่พอใจ
มีหลายเรื่องเลยนะ ในชีวิต ที่เราไม่พึงพอใจ ถ้าจะแบ่งให้กว้างที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไม่พอใจคนอื่น กับไม่พอใจตัวเอง ไม่พอใจคนอื่นเกิดได้มากกว่าความไม่พอใจในตัวเอง เพราะธรรมชาติของคน ย่อมรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ย่อมโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ย่อมเห็นความผิดของคนอื่นได้ก่อนและได้ชัดกว่าความผิดของตนเอง
ขณะเดียวกันเราต่างก็รู้ว่าโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีเกิน มีขาด จนกว่าจะค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาให้มีความพอดีได้ จึงจะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉะนั้น เราควรมองด้านดีของกันและกันให้มากกว่าด้านที่บกพร่อง
ถ้าเราเริ่มจากมองด้านดีของกันและกันแล้ว ความพึงพอใจ และความนับถือในกันและกันก็จะเกิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์กว่าการจับผิดกัน แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจ
2. ความผิดหวัง
2 สิ่งที่ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงนัก คือหวังว่าเรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือคนบางคนในอดีตจะย้อนกลับมา กับหวังว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราวาดหวังเสียทุกประการ อดีตเป็นสิ่งที่ยากจะเรียกหาให้ย้อนกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดคือใช้อดีตเป็นบทเรียน ให้สติ ให้เราเรียนรู้ทั้งโอกาสและความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้วันนี้และวันข้างหน้า ดีกว่าอดีตที่เคยเป็น
ส่วนอนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบงการให้เป็นไปตามความหวังของเราได้เสียทั้งหมด แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นอย่างไร กระนั้นก็ตาม หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ก็อย่าได้ทุกข์ร้อนเสียใจ และปล่อยความคาดหวังบนความไม่แน่นอนแบบนี้ให้เป็นขยะรกอารมณ์
3. ความอิจฉาริษยา
ขยะอย่างหนึ่งที่รกใจคนที่สุด ก็คือความอิจฉาริษยาคนอื่น โดยไม่ทันเฉลียวว่า ทุกครั้งที่เราอิจฉาริษยาใครก็ตาม ความนับถือตัวเองของเราก็เสื่อมถอยลงไปด้วย เพราะการจะรู้สึกอิจฉาหรือริษยาใครนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกว่าเขาดีหรือได้ดีกว่าเรา เราจึงอิจฉาเขาเป็นพัลวัน
จงหยุดอิจฉา แล้วมองให้เห็นว่า การที่คนอื่นได้ดีหรือมีดีกว่าเรานั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี ควรยินดีกับเขา และปรับเปลี่ยนโน้มน้าวตัวเองให้ทวีความดีดั่งที่เขามีจนเราอิจฉา
4. ความยึดมั่นถือมั่น
ขยะที่เพิ่มพูนความรกเรื้อรุงรังให้ใจได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งคือ ความยึดมั่นถือมั่น คิดว่านั่นก็คนของฉัน นี่ก็บ้านของฉัน รถของฉัน คนรักของฉัน ตำแหน่งของฉัน ฯลฯ จนไม่สามารถปล่อยวาง 'สิ่งนอกตัว' เหล่านั้นลงได้
ส่วนใหญ่พบว่า จิตจะปรุงแต่งไปเอง ว่าสิ่งนี้ฉันรัก สิ่งนี้ฉันเป็นเจ้าของ ใครก็เอาไปจากฉันไม่ได้ พอไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ผูกพันหน่วงเหนี่ยว ยังคงเสียดาย เสียใจ และปรุงแต่งจิตเพิ่มเข้าไปว่าฉันนี้แสนทุกข์ระทม
ลองยอมรับความจริงดูบ้างไหม ว่าอะไรๆ ในโลกนี่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างถาวรทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายของเรานี้ แท้ก็เป็นแค่ของยืมมา ใช้ได้ชาตินี้ชาติเดียว เดี๋ยวก็เสื่อม ก็แก่ ก็ป่วย ก็ตาย ต้องคืนร่างกายสังขารนี้สู่สภาพดิน น้ำ ลม ไฟ เน่าเปื่อยผุพังไป สิ้นความสวยความหล่อ ตลอดจนลาภยศสรรเสริญทั้งปวง
5. ความกลัว
ใจหลายคน รุงรังไปด้วยความกลัว กลัวเขาจะไม่รัก กลัวเงินจะหมด กลัวฝนจะตก กลัวนายจ้างจะเลิกจ้าง กลัวเพื่อนร่วมงานจะได้ดีกว่า กลัวไม่ก้าวหน้า ไม่ได้โบนัส ฯลฯ
กลัวไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราตัดสินเองไม่ได้ อยู่นอกเหนือจากการควบคุม ซึ่งกลัวไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด บางเรื่องแทบไม่มีวันมาถึงในชีวิต ก็กลัวล่วงหน้า กลัวจนประสาทเสีย
จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนและทุกสิ่งในชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งต้องเริ่มจากการทำแต่สิ่งที่ดี โปร่งใส ไม่เป็นแผลติดตัวที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น และจงขจัดความกลัวออกไปจากใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตของเราให้สมศักดิ์ศรี เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้ดีกว่าเดิม
6. ความอยาก
จง "อยาก" ให้พอดีกับกำลังกาย กำลังทุน และกำลังสติปัญญาของตัวเอง อย่าอยากจนเกินกำลัง เพราะจะทำให้สิ้นกำลังได้ง่าย แล้วกลายเป็นคนพ่ายแพ้ อ่อนแอ หมดสิ้นความทะเยอทะยานอยากในชีวิต
ความทะเยอทะยานอยากเหมือนรถ แต่ใจเราคือคนขับ รถแล่นด้วยความเร็วกำลังดี เราก็ได้ประโยชน์ จอดอยู่เฉยๆ ก็นิ่งอยู่กับที่ แต่หากแล่นฉิวจนเกินควบคุม ก็อันตรายกับชีวิต ฉะนั้น ใจต้องเป็ นนายของความทะเยอทะยานอยาก ขับเคลื่อนความทะเยอทะยานอยากโดยควบคุมได้
ทำอย่างไรให้ใจสะอาด
เริ่มจากปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง อย่ายึดติดยึดถือให้มากนัก แล้วอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่อยู่กับเรา เป็นของเรา ย่อมอยู่กับปัจจุบันของเราด้วย นั่นคือสิ่งจริงแท้แน่นอน การปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง เท่ากับการเทขยะทิ้ง การอยู่กับปัจจุบัน เท่ากับการปิดฝาถังขยะ ไม่เปิดรับขยะใหม่ๆ ให้ใจต้องสกปรกรกรุงรังอีก เพื่อมีเวลาทำความสะอาดหัวใจให้ผ่องใส เบิกบาน
ใจ...แท้จริงผ่องใสด้วยตัวของมันเอง แต่คนที่เป็นเจ้าของหัวใจต่างหาก ที่ชักนำสิ่งต่างๆ มาปะพอก จนใจนั้นหมดสภาพ ฟื้นหัวใจให้กลับไปผ่องใสดังเดิมกันเถิด ปัดฝุ่นและคราบเขม่าทั้งหลาย แล้วเปิดทางให้หัวใจได้หายใจ เต้น และรู้สึกด้วยตัวของมันเอง
อย่าไปบงการหัวใจมาก เพราะแทนที่จะเป็นหัวใจ มันจะกลายเป็นถังขยะแทน