วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562

น้ำมันกัญชา


รวบรวมมาเพื่อให้พิจารณาครับ
ประโยชน์ของน้ำมันกัญชา 33 ประการ

1. กัญชาสามารถหยุดการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลมะเร็งได้ โดยไม่ทำร้ายหรือสร้างความเสียหายให้กับเซลปกติ
2. กัญชาสามารถรักษาต้อหิน
3. กัญชาสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์
4. กัญชาสามารถช่วยลดอาการอักเสบ
5. กัญชาสามารถควบคุมและรักษาโรคลมชัก
6. กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม
7. กัญชาสามารถรักษโรคโครห์น (Crohn’s Disease) ความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ได้
8. กัญชาสามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคพาร์กินสัน
9 . กัญชาสามารถลดความวิตกกังวล
10. กัญชาสามารถช่วยในการยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งและปรับปรุงสุขภาพปอดได้
11. กัญชาสามารถลดความเจ็บปวดจากเคมีบำบัด
12. กัญชาสามารถปรับปรุงอาการของโรคลูปัสหรือโรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง)
13. กัญชาสามารถช่วยปกป้องสมองจากความเสียหายของโรคหลอดเลือดสมอง
14. กัญชาสามารถควบคุมกล้ามเนื้อกระตุก
15. กัญชาสามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบ
16. กัญชาสามารถช่วยขจัดฝันร้าย
17. กัญชาสามารถปกป้องสมองจากการถูกกระทบกระแทกและการบาดเจ็บ
18. กัญชาสามารถช่วยให้เจริญอาหาร
19. กัญชาสามารถช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม
20. กัญชาสามารถแก้โรคบิด แก้ปวดท้อง และโรคท้องร่วง
21. กัญชาสามารถช่วยแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติของสตรี
22. กัญชาสามารถแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน
23. กัญชาสามารถแก้ปวดหัวไมเกรน
24. กัญชาช่วยรักษาการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง้
25. กัญชาสามารถช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดชนิดรุนแรงเช่นเฮโรอีน
26. กัญชาสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตได้ (รักษาเบาหวาน)
27. กัญชาสามารถช่วยรักษาแผลสด แผลหายยากจากเบาหวาน ให้แห้งและหายได้
28. กัญชาช่วยทำให้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสมีสมาธิและจิตใจสงบ
29. กัญชาสามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIVหรือเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น
30. กัญชาสามารถช่วยป้องกันโรคตับแข็ง
31. กัญชาสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
32. กัญชาสามารถช่วยรักษาอาการกระดูกหักให้หายไวขึ้น และยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วย
33. กัญชาสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายของระบบเส้นประสาททั้งร่างกายและระบบเชื่อมต่อในสมอง
วิธีใช้...Oil Extraction  น้ำมันกัญชา 

เมื่อเรากินน้ำมันกัญชา ตัวยาจะเดินทางผ่านตับ
จะเกิดกระบวนการเปลี่ยนเเปลงสาร THC เป็น 11-hydroxy-THC จากนั้น สารนี้จะเข้าไปในกระเเสเลือดเเละถูกส่งไป
ที่สมอง

สมองจะส่ง "MGSs" หรือ ตัวรับในสมอง ซึ่งจะผูกกับตำเเหน่งของเซลล์มะเร็ง เป็นการกระตุ้นกระบวนการที่เรียกว่า การตายของเซลล์แบบที่มีการโปรแกรมไว้แล้ว หรือ Programmed Cell Death เป็นการทำให้เซลล์มะเร็งตายไปตามปกติ อย่างที่เซลล์ในร่างกายได้ถูกกำหนดอายุเวลาเอาไว้เเล้ว น้ำมันกัญชาเป็นเพียงตัวกระตุ้นตัวรับสัญญานในสมอง เมื่อน้ำมันกัญชาที่มีเเคนนาบินอยด์ ผูกกับตำเเหน่งของเซลล์มะเร็ง จากนั้นตัวรับเเคนนาบินอยด์ในสมอง จะส่งสัญญานเข้าไปในร่างกาย เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ หลายประเภท

การใช้นํ้ามันกัญชานั้นมีหลายวิธี แล้วแต่ความหนักเบาของโรค และตามอาการที่เป็น ได้แก่

1 ) วิธีการหยดใต้ลิ้น
- การใช้วิธีนี้จะทําการหยดนํ้ามันกัญชาลงบริเวณใต้ลิ้น เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าร่างกายทันที ผ่านเส้นเลือดบริเวณโคนลิ้นและกระพุ้งแก้ม วิธีนี้ยาจะออกฤทธิ์ ภายใน 5-30 นาที และยาวนาน 3-6 ชม.
- วิธีนี้ยาจะออกฤทธิ์เร็วที่สุด แต่จะรับยาได้ไม่มากนัก เพราะออกฤทธิ์ โดยตรงต่อสมองจะทําให้ผู้ใช้เมาเสียก่อน
- ปริมาณที่ใช้คือ 1-10 หยด เหมาะกับการใช้แก้ปวดทันที คลายเครียด ช่วยการอยากอาหารและการนอนหลับ (20 หยด = 1 cc ) ถ้าผู้ป่วยหยด ตอนเช้า แล้วมีอาการง่วงนอนทั้งวัน ก็ให้ ลดปริมาณ และเปลี่ยนเวลา มาหยดใต้ลิ้นในช่วงตอนเย็น หรือหัวคํ่าเพื่อที่จะได้นอนยาวในคราวเดียว และให้ใช้เวลากลางวันกับครอบครัว โดยอาการมึนนี้ จะเป็นแค่ในช่วงแรก 5-7วันที่ใช้

2 ) วิธีการทานยาแบบแคปซูล
- ใช้แคปซูลเปล่าครับ ให้ผู้ใช้ทําการเอานํ้ามันในขวดมาหยดใส่แคปซูล เริ่มจาก 1 หยด แล้วค่อยๆเพิ่มไปเรื่อยๆ ใช้ทานก่อนนอน วิธีนี้ยาจะออกฤทธิ์ช้ากว่าการหยดใต้ลิ้น คือหลังจากทาน 30-60 นาที แต่ยาจะมีฤทธิ์อยู่ได้นานกว่าการหยดคือ 6-8 ชม. ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสนิทยาวตลอดทั้งคืน
- วิธีนี้ยาจะเข้าไปในร่างกายตามระบบทางเดินอาหาร เหมาะกับการช่วยการนอนหลับและแก้ปวดระดับรุนแรงแทนการใช้มอร์ฟีนได้เลยสามารถทานได้ถึง 1-20 หยดต่อวัน

3 ) วิธีการเหน็บ
- วิธีนี้จะมีคลิปสอนทํายาเหน็บอีกทีนะครับ (น้ำมันมะพร้าว ผสม นํ้ามันกัญชา)
- หลักการก็คือเหน็บยาที่ทําเสร็จแล้วเข้าไปทางทวารหนัก เพื่อให้ยาดูดซึมที่ลําไส้ใหญ่เหมือนยาเหน็บทั่วไป และ การเหน็บยาเข้าทางช่องคลอดโดยตรง เพื่อให้ยาซึมเข้าร่างกายผ่านทางช่องคลอด การเหน็บช่องคลอดเหมาะ สําหรับกรณีมะเร็งปากมดลูก หรือ มะเร็งช่องคลอด
- วิธีนี้เหมาะสําหรับท่านที่เป็นมะเร็งระยะที่ 2 ขึ้นไป เพราะร่างกายสามารถรับยาได้ในปริมาณมากกว่าการหยดและการทาน คือ 1-2 ซีซี หรือ 40 หยดเลยทีเดียว โดยที่ไม่ทําให้มีอาการมึนเมา

4 ) การสวนทวาร
- วิธีนี้หลักการคือสวนยาที่ผสมตามอัตราส่วนแล้วเข้าไปทางทวารหนักผ่านสายยางเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ยาดูดซึมที่ลําไส้ใหญ่ ส่งตรงเข้าตับและส่งยากระจายทั่วร่างกายต่อไป
- โดยวิธีนี้ร่างกายจะรับยาได้มากที่สุดโดยที่ไม่ทําให้ผู้ป่วยเมา สามารถสวนได้ถึงวันละ 3 ครั้ง ปริมาณ 1-6 ซีซี หรือ 120หยด เลยทีเดียว เหมาะสําหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 2 ขึ้นไป เพื่อให้ยาเข้าไปได้ความเข้มข้นมากพอจะฆ่าเชื้อ

วิธีการกินน้ำมันกัญชาในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งทั้งนี้ปริมาณการใช้ขึ้รอยู่กับความเข้มข้นและสภาพร่างกายของผู้ป่วย ควรทดสอบจากปริมาณน้อยก่อน

ผู้ป่วยมะเร็ง 1 คน ต้องบริโภคน้ำมันกัญชา 60 ml หรือ 60 กรัม ต่อคน โดยเเบ่งการกินในเเต่ละสัปดาห์ ดังนี้
ในสัปดาห์เเรกให้บริโภคปริมาณที่เเนะนำ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว เนื่องจากคนที่ไม่เคยสูบกัญชามาก่อน จะไม่มี high tolerance หรือทนต่อสาร THC เข้มข้น ได้ต่ำ พูดง่ายๆคือ คอไม่เเข็ง อาจเกิดอาการใจเต้นรัว อาเจียนได้
ดังนั้นหลักการใช้จึงต้องเริ่มจากน้อย (1 หยด) แล้วค่อยๆเพิ่มไปหามาก(ระยะเวลาเพิ่มควรห่างกันเป็นเดือน) โดยหลักการก็คือ การนําเอายาเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุด โดยที่ไม่ทําให้ผู้ใช้มึนมากเกิน กระทบกับการใช้ชีวิตประจําวันให้เสียไป ซึ่งร่างกายเราจะปรับตัวให้สามารถรับยาได้มากขึ้นเรื่อยๆตามลําดับ ( เข้าทางปากจะเมา เข้าทางทวารจะไม่เมา)

สัปดาห์ที่ 1
- กินก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น ให้หยดของน้ำมันกัญชาเล็กเท่ากับครึ่งเมล็ดข้าว (1/2 half the size of a short grain of rice)

สัปดาห์ที่ 2 - 5
- ให้เพิ่มการบริโภคทุกๆ 4 วัน เช่น เริ่มต้นสัปดาห์ที่ 2 กินหยดน้ำมันกัญชาเท่ากับ 1 เมล็ดข้าว เช้า กลางวัน เย็น ก่อนอาหารเหมือนเดิม หลังจากผ่านไป 4 วัน เพิ่มปริมาณเป็น 2 หยด เช้า กลางวัน เย็น เป็นต้น

สัปดาห์ 5 - 12
- บริโภควันละ 1 กรัม หรือ 1 ml
สำหรับโรคอื่นๆ เช่น นอนไม่หลับ,multiple sclerosis,โรคหยุดหายใจขณะหลับ,โรคจิตเภท Schizophrenia สามารถรับประทานเเบบเดียวกันกับผู้ป่วยมะเร็ง ถ้าเป็นโรคทางกายภาพ อาการปวด หรือ กล้ามเนื้อ ให้ผสมในโลชั่นเเล้วทาภายนอกตรงที่ปวดได้

ผลข้างเคียงของการกินน้ำมันกัญชา
ตัวชา (body stoned) , ง่วงนอน , จะเกร็งตรงขมับบริเวณศรีษะนิดหน่อย หรือ อาจเกิดอาการหนักตา ตาปรือ ลืมตาไม่ค่อยขึ้น เนื่องจากเป็นยาระงับประสาทด้วย ทำให้จิตใจสงบ ใจเย็นลง เเละทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นนิดหน่อย. ไม่เมาขึ้นหัว ไม่เกิดอาการหัวเราะ เเต่กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย




ความลังเลสงสัย


ความลังเลสงสัย


หมายถึงความลังเล, ความไม่แน่ใจ, ความสงสัย, ความเคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย, ความลังเลเป็นเหตุไม่แน่ใจในการดำเนินชีวิตของตน ความคิดซัดส่ายตลอดเวลา ไม่สงบนิ่งอยู่ในความคิดใด ๆ สงสัย กังวล กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เต็มที่ ไม่มั่นใจในข้อปฏิบัติต่างๆ
ในการปฏิบัติภาวนา   มักมีความลังเลสงสัยเกิดขึ้นเสมอๆ สาเหตุใหญ่ๆน่าจะเกิดจากการขาดศรัทธา
ความศรัทธา-ศรัทธาในกฎแห่งกรรม ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและพระรัตนตรัย เป็นพื้นฐานในการปฏิบัติภาวนาที่ดี แต่ศรัทธาในพระพุทธศาสนานั้นอาจแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับในศาสนาอื่นๆ เพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องมีปัญญาเป็นองค์ประกอบ และต้องมีแนวทางการปฏิบัติไปสู่หลักธรรมข้ออื่นๆได้แก่ วิริยะ,สติ,สมาธิ,จนถึงปัญญา  เพราะศรัทธาจึงนำไปสู่การพากเพียรปฏิบัติภาวนาตามคำสอนขององค์พระศาสดา มีสติตามรู้ภายในกายในใจ จนความจริงที่ยิ่งใหญ่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า จนทราบว่าทุกอย่างที่เรายึดถือว่าเป็นตัวเราของเรานั้นมิได้มีอยู่จริง เป็นเพียงสิ่งสมมุติที่ทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ได้เท่านั้น
ปัญญา-ที่ทำให้ทราบถึงเหตุที่ทำให้เกิดผลในสิ่งต่างๆและผลของเหตุเหล่านั้นที่จะหมดไปแตกดับไปเมื่อเหตุนั้นหมดลง ปัญญาที่จะทำให้เราทราบถึงหนทางแห่งการดับทุกข์ รู้จักทุกข์ และเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้น
สำหรับผู้ปฏิบัติที่มักเกิดความลังเลสงสัย ไม่ว่าจะเกิดจากสงสัยในคำสอน สงสัยในครูบาอาจารย์ ฯลฯ
ในเบื้องต้น การใช้-โยนิโสมนสิการ คือการใช้ปัญญาพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลในข้อธรรมนั้นๆ ว่าถูกต้องเหมาะสม ควรแก่การนำไปประพฤติปฏิบัติ หรือพิสูจน์หรือไม่อย่างไร  การเชื่อหรือศรัทธาโดยปราศจากปัญญาปราศจากเหตุและผล อาจนำมาซึ่งความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงได้เสมอเช่นในลัทธิต่างๆที่ให้ผู้คนกระทำความผิด ผิดศีลธรรม ประเพณี และคุณความดีต่างๆ ที่สำคัญนอกจากการพิจารณาเองแล้วยังต้องมีกัลยาณมิตร เช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่คอยชี้แนะแก้ไข ตอบปัญหาข้อขัดข้องต่างๆให้เราจนกระจ่างชัด การปฏิบัติภาวนา เราจึงต้องมีครูบาอาจารย์คอยแนะนำเสมอ กัลยาณมิตรที่สำคัญสุดคือพระบรมศาสดา ที่ทรงค้นพบสัจจธรรมและนำมาชี้แจงแสดงทางเดินแห่งการดับทุกข์ให้แก่เราทุกคน
ความลังเลสงสัยอาจมีได้หลายประการเช่น
1.    สงสัยเพราะตั้งใจที่จะปฏิบัติให้ถูกให้ได้ผลการภาวนาที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ขอให้ครูบาอาจารย์ชี้แนะให้แก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆของตน เช่นนี้แม้เป็นการลังเลสงสัย แต่ก็ยังอยู่ในมรรค
2.    สงสัยเพราะติดอยู่ในข้อปลีกย่อยต่างๆ พยายามหาเหตุผลมาคัดค้าน ต่างๆนาๆ โดยมิทำประโยชน์ใดๆให้เกิดขึ้นเลย ท่านว่าบุรุษผู้ต้องศร พยายามหาว่าศรนั้นทำมาจากอะไร แต่ละเลยการรักษาตนให้พบจากพิษของศรนั้นๆ
3.    สงสัยเพราะความอยากรู้ในความจริงอย่างไม่สิ้นสุด อาจเกิดจากการที่เป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาความจริงให้ปรากฏแก่ตนเอง แม้ได้ยินได้ฟังมาแล้วก็ต้องพิสูจน์ลึงลงไปๆให้มากยิ่งขึ้นจนความจริงแห่งสัจจธรรมสามารถมาแสดงอยู่เบื้องหน้าตนเท่านั้น

สำหรับผู้ปฏิบัติภาวนา
เมื่อเดินมาตามทางนี้แล้ว ขอให้มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อในคำสอนได้แก่ ไตรสิกขา-คือศีล,สมาธิและปัญญา เพราะศีล-เป็นการควบคุมกายและวาจา ไม่ทำให้เกิดทุกข์โทษเวรภัยต่อกันและกันในสังคม ที่สามารถเข้าใจและยอมรับได้อย่างง่ายดายด้วยหลักเหตุและผล, สมาธิ-การที่ทำให้จิตใจตั้งมั่น มีประโยชน์ต่อเราได้อย่างแท้จริงทั้งก่อให้เกิดความสุขสงบของจิตใจ การที่สามารถมองย้อนกลับไปดูในจิตใจตน ให้เห็นการกระทำทางกาย-วาจา-ใจของเราว่าถูกต้องเหมาะสมเช่นไร, ปัญญา-ปัญญาที่เราจะได้เห็นจริงๆว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับพวกเราทั้งหลายนั้นเกิดจากสิ่งใด และจะก้าวเดินไปเช่นไรจึงจะไปสู่การพ้นทุกข์   สิ่งเหล่านี้สามารถประจักษ์แก่เราได้เสมอเมื่อเราน้อมนำมาพิจารณา ศรัทธาจึงเกิดขึ้นได้โดยง่าย การลังเลสงสัยในการปฏิบัติภาวนาจึงลดลงและทำให้เรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหนทางนั้นๆเพื่อสติและสมาธิที่จะนำเราไปสู่ปัญญา และหนทางไปสู่ความดับทุกข์ทั้งมวล
ธรรมะในการแก้ไขความลังเลสงสัยคือ
๑. ความสดับ-ศึกษาอ่านฟังมาก
๒. ความสอบถามผู้รู้และกัลยาณมิตร
๓. ความชำนาญในพระธรรมวินัย-ปฏิบัติอยู่ในศีล
๔. ความมากด้วยความน้อมใจเชื่อในพระรัตนตรัย
๕. ความมีกัลยาณมิตรที่ดี
๖. การเจรจาแต่เรื่องที่เป็นสมควรเหมาะสมเป็นประโยชน์ตามธรรม
ฐิตรโส

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

วิสาขบูชา เนปาล

วันวิสาขปีนี้ต้องเตรียมตัวไปทำบุญใหญ่ กับทีม Hands 4 Nepal มีคุณหญิงหน่อยกับท่านเจ้าคุณเทพโพธิวิเทศเป็นผู้นำไปทำบุญที่เนปาล ตลอดเวลา1เดือนที่ผ่านมา เราได้รับโอกาสที่ดีมากจากพี่สัมพันธ์และคุณหมอ พล.อ.ต.อิทธพร ให้ไปทำงานในฐานะแพทย์อาสาแพทยสภา สะพายย่ามตามพระ ช่วยเหลือกิจการของพระธรรมทูต อินเดีย-เนปาล ที่ทำงานหนักอย่างมากที่ส่งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม เต้น ที่อยู่อาศัย ครบปัจจัยสี่ให้กับชาวเนปาลผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในเกือบทุกพื้นที่ก็ว่าได้ การช่วยเหลือกระ ทำทั้งการมอบปัจจัยสี่ การดูแลร่างกายจากคณะแพทย์อาสา และดูแลทางด้านจิตใจเช่นการพูดคุยไต่ถาม การสวดมนต์ให้พร ให้กำลังใจทุกๆทางที่พวกเราจะสามารถกระทำได้ แม้ในช่วงหลังของโครงการนี้แพทย์เราจะไม่มีโอกาสได้ตรวจรักษาผป.แล้วก็ตาม เราก็ยังเป็นผู้ช่วยที่ดีในการให้ความอบอุ่นทางใจแก่พวกเขา ทั้งแบกของแจกทาน แจกขนม เล่นกับเด็กๆสารพัด ที่แพทย์ไทยจะกระทำได้ ทั้งหมดนี้ก็มาจากสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งเดียวคือ ดวงใจที่บริสุทธิ์ จากคณะแพทย์ทุกๆท่านที่ตั้งใจจะหยิบยื่นความช่วยเหลือที่ดีที่สุดให้กับผู้ เดือดร้อนเหล่านั้น
วันวิสาขบูชาปีนี้เราคงทำบุญด้วยการเอาการปฏิบัติบูชาด้วยแรงกายแรงใจนี้มอบ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา กราบแทบพระบาทพระพุทธองค์ ด้วยเครื่องบูชาอันคณะแพทย์ได้กระทำอย่างดีที่สุดแล้วนี้แทนการทำอย่างอื่น แล้ว
หลังวันวิสาขะหนึ่งวันคือในวันที่2นี้เราจะกลับไปอีกครั้ง ไปมอบทาน ไปเยี่ยม และหาแนวทางให้ความช่วยเหลือด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้ผู้ประสบ ภัยได้หลบฝนที่กำลังจะมาในฤดูฝนเดือนมิถุนายนนี้ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้มีส่วนในมหาทาน มหากุศลอันยิ่งใหญ่นี้ไม่ว่าท่านจะได้ไปเนปาลหรือไม่ก็ตาม การกระทำของท่านได้ถึงมือของผู้ประสบภัยผู้เดือดร้อนเหล่านั้นแล้ว และเขาเหล่านั้นก็ซาบซึ้งและกล่าวขอบคุณฝากพวกเรามาโดยตลอด ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

https://www.youtube.com/user/MrArramboy

รูปภาพ: รูปภาพ: รูปภาพ: https://www.youtube.com/user/MrArramboy








หมอนักบุญ 2 B2.mp4

การดู 285 ครั้ง7 ปีที่ผ่านมา


หมอนักบุญ 2 B3.mp4

การดู 645 ครั้ง7 ปีที่ผ่านมา


หมอนักบุญ 2 B1.mp4

การดู 91 ครั้ง7 ปีที่ผ่านมา


หมอนักบุญ 1 B1.mp4

การดู 275 ครั้ง7 ปีที่ผ่านมา


หมอนักบุญ 1 B2.mp4

การดู 165 ครั้ง7 ปีที่ผ่านมา


หมอนักบุญ 1 B3.mp4

การดู 156 ครั้ง7 ปีที่ผ่านมา