ลมใต้ปีก - “The Wind beneath the Wings”
กราบครูบาอาจารย์ที่รักทุกๆท่าน
เพื่อนพี่น้องแพทย์จุฬาและ
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ
ผมขอขอบคุณคณะกรรมการจัดงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ด้วยครับ
ที่ให้เกียรติผมมาพูดคุยสนทนากับทุกๆท่านในเวที
MDCU TALKแห่งนี้
ผม นพ.ปิโยรส
ปรียานนท์ แพทย์จุฬารุ่น 32ครับ
ตั้งแต่จบจากจุฬาไป
ผมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมเยียนที่นี่เท่าไหร่เลยครับ
จึงไม่มีโอกาสพบเจอครูบาอาจารย์และพี่ๆ
น้องๆ แพทย์จุฬามากนัก
วันนี้นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาพบเจอและพูดคุย
แลกเปลี่ยนประสบการณ์
เล่าสู่กันในงานนี้นะครับ
ผมเองจบจากแพทย์จุฬาก็ไปอินเทิร์นที่รพ.ภูมิพล
และกลับมาเรียนศัลยกรรมทั่วไปที่รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อเรียนจบก็รับทุนกองทัพเรือไปเรียนศัลยกรรมตกแต่งที่ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อสอบจบปีสุดท้ายก็ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นไปเรียนต่อศัลยกรรมตกแต่งที่ รพ.Mt.Sainai
Medical center ใน NY.ต่ออีกหนึ่งปี
กลับจากอเมริกาสอบบอร์ดที่ญี่ปุ่นเสร็จแล้ว จึงกลับมารับราชการที่
รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ทำงานอยู่สองสามปีก็เข้าเรียน รร.เสนาธิการทหารเรือเมื่อเรียนจบก็ได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกด้าน
Biomedical Eng. ที่ญี่ปุ่นต่อครับ
ตั้งแต่กลับมารับราชการที่รพ.ทหารเรือ
ท่านอาจารย์ศัลยเวท เลขะกุล ก็ชวนไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับท่าน
เพราะสมัยเป็นนักเรียนแพทย์เคยมีโอกาสออกหน่วยกับท่านและรู้สึกดีมากๆ
เรียนท่านว่าอยากออกหน่วยกับท่านอีกเมื่อเรียนจบ
ครั้งแรกที่มีโอกาสออกหน่วยแพทย์กับอาจารย์ศัลยเวทอีกครั้ง
ท่านพาไปออกหน่วยที่รพ.ฝางจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่คณะของท่านรักษาผ่าตัดผู้ป่วย หู
คอ จมูก ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ7-8ขวบ เป็นเด็กปากแหว่งมารอผ่าตัดอยู่ที่รพ.ด้วย
เราจึงขออนุญาตท่านทำผ่าตัดเด็กหญิงคนนี้ ท่านอาจารย์เตือนว่าเราไม่มีเครื่องดมยานะ
ต้องฉีดยาชาเฉพาะที่แทน ซึ่งทำได้ลำบากเพราะยังเป็นเด็กเล็ก อาจไม่ร่วมมือ
แต่เราก็ได้พูดคุยกับเด็กและญาติ เด็กน้อยรับปากตกลง
จึงเริ่มผ่าตัดให้ด้วยการฉีดยาชา เนื่องจากเป็นการผ่าตัดนอกสถานที่
ทุกๆอย่างไม่ค่อยพร้อมเลย รวมทั้งตัวแพทย์เองด้วย
จึงใช้เวลานานมากเกือบสองชั่วโมงได้ครับ
เด็กน้อยก็แสดงว่าเจ็บเป็นระยะๆจึงต้องเพิ่มยาชาให้อีก
มีน้ำตาไหลรินให้เห็นทุกครั้งที่ถามเธอว่าเจ็บไหม หมอเองก็ตื่นเต้นไปด้วย
แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีครับ นับเป็นการผ่าตัดที่ฝังอยู่ในใจตลอดมา
อีกสองสามเดือนเราได้กลับไปตรวจติดตามผลการผ่าตัดที่รพ.ฝางอีกครั้ง
พบว่าผลผ่าตัดออกมาดีมาก เด็กน้อยเข้ามาโอบกอดเอวเรา เธอกล่าวว่า “ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ
ต่อไปนี้หนูจะตั้งใจเรียน ไม่อายเพื่อนๆแล้วค่ะ”
ประโยคนี้เข้าไปอยู่ในใจเรานับแต่วันนั้น เพราะทำให้เรารู้ว่ายังมีผู้ป่วยในชนบทที่รอรับการรักษาอยู่อีกมาก
ซึ่งเราสามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้ เพราะการจะให้พวกเขาเข้ามารับการรักษาในเมืองใหญ่คงทำได้ยากจากปัญหาเรื่องการเดินทางและค่าใช้จ่าย
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่เราได้จัดตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิดวงแก้วขึ้น เพื่อออกไปผ่าตัดแก้ไขความพิการให้เด็กๆในชนบท
แรกๆก็ได้ครูบาอาจารย์และรุ่นพี่ๆช่วยเหลือตลอด
ทั้งเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ รถยนต์พาหนะและที่สำคัญมากคือการติดต่อประสานงานกับรพ.ในชนบท
ท่านอาจารย์ศัลยเวท บอกเราว่าไม่ต้องกลัว เพราะมีพี่น้องแพทย์จุฬาเราอยู่ทุกจังหวัดที่คอยช่วยเหลือกันได้เสมอ
ต่อจากนั้นเราก็ได้ออกหน่วยแพทย์กันทุกๆเดือน
เดือนละครั้งสองครั้งตลอดมา ทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง
ทั้งลาว พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินเดีย บังคลาเทศและปากีสถาน ภูฐาน และเนปาลเป็นต้น
การที่ได้ออกหน่วยไปในชนบทและต่างแดนที่ทุรกันดาร
ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องต่างๆมากมาย เช่นทำให้ทราบว่า การให้ความช่วยเหลือโดยการรักษาผ่าตัดทางร่างกายเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอเพียง
เพราะเขายังต้องการความช่วยเหลือด้าน การศึกษา การอาชีพ และหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
เนื่องจาก คนไข้ส่วนใหญ่ของเราเป็นผู้พิการและด้อยโอกาส เขาจึงรู้สึกมีปมด้อยอยู่ในใจเสมอ
เราจึงจัดให้มีโครงการต่างๆเพิ่มขึ้นเช่น
การสอนฝึกพูดสำหรับผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ โดยจัดเป็นแคมป์ฝึกพูดและเปิดรร.สอนฝึกพูดที่อยุธยาเป็นต้น
นอกจากนี้ เรายังดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กๆในชนบท เช่น มอบทุนการศึกษา
ให้ทุนโครงการพัฒนาการศึกษาและฝึกอาชีพต่างๆ โครงการอาหารกลางวัน สร้างอาคารเรียน
ห้องสมุด ห้องพยาบาล ห้องสุขาฯเป็นต้น ปัจจุบันเป็นอาคารที่26 ที่รร.บ้านกุยแหย่
ทองผาภูมิครับ ทางด้านการศาสนา เราได้จัดโครงการส่งเสริมจริยธรรม
มีการนำพระสงฆ์มาสอน ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิในโรงเรียน
และวัดวาอารามใกล้เคียงอีกด้วย เพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่มีปมในใจ
และสร้างเสริมสมาธิ ส่งผลให้การเรียนดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ เรายังช่วยบูรณะปฏิสังขรณ์
จัดสร้างเสนาสนะวัดวาอารามให้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในชนบทเหล่านั้นด้วย
วัดที่เพิ่งเสร็จไปเป็นอันดับที่19 วัดป่ามหาวันที่น่าน
ตอนนี้สร้างเจดีย์อยู่ที่สระแก้วครับ ทางการแพทย์ นอกจากการออกหน่วยรักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยแล้ว
เรายังให้ทุนการศึกษาแพทย์พยาบาล จัดหาเวชภัณฑ์
ครุภัณฑ์ จัดสร้างอาคารสถานที่ มอบให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลนในชนบทด้วย นอกจากนี้เรายังจัดหน่วยแพทย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ
ทั้งอุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว โรคระบาดต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น Tsunami ที่ศรีลังกา,
แผ่นดินไหวที่เนปาล, อุทกภัยที่พม่า, เขื่อนแตกที่ลาว, ภัยสงครามที่เซอร์เบีย, พายุไต้ฝุ่นที่ตักโลบัน (Tacloban) ประเทศฟิลิปปินส์เป็นต้น นอกจากการช่วยเหลือทางการแพทย์แล้ว
เรายังให้การช่วยเหลือด้านอื่นๆไปพร้อมๆกันเช่นที่ศรีลังกา เรามอบเสื้อผ้า
ถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้งฯ สร้างบ้านพัก, อาคารเรียน, มอบข้าวสารอาหารแห้งให้ผู้ประสบภัยที่เนปาล สร้างสถานนีอนามัยให้ที่พม่า
มอบเสื้อผ้าชุดทำงานให้แพทย์พยาบาลและซ่อมแซมหลังคาให้รพ.ในฟิลิปปินส์เป็นต้น
ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่า เราพบว่าน้องๆแพทย์ในชนบทมีปัญหามากมาย
จากพื้นที่โรงพยาบาลที่แออัดคับแคบ เราจึงช่วยเหลือแบ่งเบาภาระน้องๆบ้าง เช่น
จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นให้ และช่วยจัดสร้างอาคารสถานที่ที่จำเป็นมอบให้รพ.ที่ขาดแคลนเพื่อลดความแออัดในรพ.อีกด้วย
ปัจจุบันนับเป็นอาคารลำดับที่15แล้วครับ ซึ่งกำลังดำเนินการก่อสร้างให้รพ.ดงหลวง
จ.มุกดาหารครับ
วันนี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่ได้มาพูดคุยกัน
ณ ที่นี้ ผมจึงอยากเรียนให้ครูบาอาจารย์และพี่น้องเพื่อนๆทุกท่านให้ทราบว่า
เรื่องราวใดๆที่ได้กระทำลงไปแล้วนั้น มิอาจสำเร็จลุล่วงได้เลย ถ้าไม่ได้พระคุณครูบาอาจารย์ที่อุทิศตน
มอบความรู้ ประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจ และสอนคุณค่าแห่งการเป็นแพทย์ให้ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ
รุ่นพี่รุ่นน้อง ที่ให้ความช่วยเหลือกันและกันตลอดมา และในการทำงานทุกๆอย่าง ยังมีบุคคลรอบข้างที่ยังให้ความช่วยเหลือเราอีกมากมาย
บางครั้งเราเองยังมิอาจทราบได้ด้วยซ้ำไป
สิ่งเหล่านี้ประดุจดัง สายลมใต้ปีก
ที่คอยผลักดันให้นกตัวน้อยนี้ บินสูง สู่ท้องฟ้ากว้าง
สู่ความสุขและความสำเร็จที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า นกน้อยๆที่โผบินสู่ท้องฟ้ากว้าง ตัวแล้วตัวเล่าที่ออกจากสถาบันการศึกษาแห่งนี้ไป
ลำพังนกตัวน้อยๆเหล่านี้ คงมิอาจโบยบินสู่ท้องฟ้าไปไกลแสนไกลได้ ถ้าขาดแรงลมใต้ปีก ที่แม้มิอาจมองเห็นได้ด้วยสายตา
แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ สายลมแห่งความรักความปรารถนาดี สายลมที่แสนอบอุ่นและทรงพลังนี้
จะคอยผลักดันช่วยเหลือนกน้อยๆเหล่านั้นอยู่เสมอ ดังที่เราได้พบเห็นว่าพี่น้องแพทย์จุฬาของเราได้ประสบความสำเร็จสร้างประโยชน์คุณูปการมากมายต่อประเทศชาติและสังคมแห่งนี้ตลอดมา
และเมื่อถึงวันเวลาหนึ่ง ผมเองก็อยากจะขอให้พวกเราทุกคนจะพร้อมที่จะเป็นเสมือนดัง “ สายลมใต้ปีก” ที่จะคอยผลักดัน น้องๆรุ่นต่อๆไป ในสังคมแห่งนี้ ให้โบยบินสู่ท้องฟ้ากว้าง อย่างมีความสุขประสบความสำเร็จ
สร้างประโยชน์แก่ตนเองและเพื่อนมนุษย์ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากในสังคมนี้ต่อไป
ดังคำของสมเด็จพระราชบิดา ที่ตรัสไว้ว่า
“ ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์ ”
ขอขอบคุณ กระแสลมแห่งปัญญาและความรัก
อันแสนอบอุ่น จากคุณครูและผู้คนที่เสียสละผลักดัน สนับสนุนพวกเราทุกคน
จนประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยความเสียสละที่ไม่เคยมุ่งหวังสิ่งตอบแทน
เป็นความรักที่ปราศจากเงื่อนไขหรือผลประโยชน์ใดๆ สายลมใต้ปีกนี้
จะคอยเตือนเราให้กระทำแต่คุณงามความดี ต่อประเทศชาติบ้านเมืองและสังคมนี้ตลอดไป
สุดท้ายนี้
กระผมขอกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่มิเพียงแต่สอนให้ศิษย์เป็นแพทย์จุฬาที่สมภาคภูมิคนหนึ่ง
แต่ยังสามารถเป็นแพทย์ที่ได้ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากในสังคมของเราได้อีกด้วย
กราบขอบพระคุณ สายลมใต้ปีกนี้
ด้วยความรักและเคารพตลอดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น