วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564

พลุกระจายสว่างทั่วฟ้า

 


พลุกระจายสว่างทั่วฟ้า

 

ค่ำคืนหนึ่ง ณ เมืองโบราณ สมุทรปราการ บริเวณพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทที่จำลองมาจากพระที่นั่งองค์เดิมสมัยกรุงศรีอยุธยาราชธานีในอดีตที่เคยรุ่งเรืองสวยงามสง่า ประดับประดาด้วยทองและเพชรนิลจินดามากมาย พวกเราเดินผ่านการแสดงชม แสง สี เสียง ที่ทำให้พวกเราร่วมระลึกถึงวันเวลาในอดีต ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดยามพลบค่ำ   พลันก็มีเสียงดังจากพลุนับร้อยนัด สว่างไสวสวยงาม หลากหลายสีสัน แดง เหลือ ส้ม น้ำเงิน เขียว ล้วนสว่างงามตายิ่งนัก เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยาม ที่ทุกคนต่างเฝ้าตั้งใจมอง ตั้งใจถ่ายรูปที่ดีที่สุดเท่าที่จะเก็บความทรงจำอันสวยงามนี้ไว้ได้ หลายคนเดินทางมารอตั้งแต่บ่าย ต่างตั้งกล้องของตนไว้ในตำแหน่งที่คิดว่าดีและจะได้รูปออกมาสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้

ระหว่างช่วงเวลาอันงดงามจากพลุที่สว่างไสวอยู่บนนภานั้นเอง ความคิด จินตนาการ ต่างๆได้ไหลผ่านเข้ามา  ในสมองของเราอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัวนั้นเอง น้ำตาได้ค่อยๆรินไหลออกจากตาคู่ที่กำลังเฝ้ามองพลุที่สวยงามนั้นที่ละน้อยๆ  ภาพของพลุที่ค่อยๆพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เริ่มสว่างขึ้นที่ละน้อยๆ จนสว่างจ้าจนแทบแสบตา สุดที่กำลังของตัวมันจะส่งขึ้นไปในจุดที่สูงที่สุดและเผาไหม้จนสว่างไสวสวยงามที่สุดได้ บางดวงสูงบางดวงต่ำ บางก็สว่างสุดแสบตา บางก็เพียงแสงไม่มากนัก แต่แล้วหลังจากนั้น แสงสว่างจากพลุเหล่านั้นก็พลันหายวับไปจากสายตาของเรา บางท่านอาจมิได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้เพราะเมื่อจุดหนึ่งดับไป พลุดวงใหม่ก็สว่างขึ้นมาอีก สวยงามจนลืมเลือน ดวงเก่าไปได้อย่างง่ายดาย

ชีวิตคนเราก็เช่นนั้นเอง ต่างแข่งขันกันแสวงหา ไขว่ขว้า ลาภยศชื่อเสียง เงินทองมากมายใส่ตัวเอง บางคนก็ได้มาด้วยความรู้ความสามารถของตนอย่างน่าภาคภูมิใจ แต่บางคนก็แย่งชิง คดโกง แสวงหาให้ได้มาโดยมิสนใจว่าเงินทอง ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นสมควรเป็นของตนหรือไม่ เช่นค้าขายหรือคิดราคาเกินจริงเกินควร เอาของมาลวงหลอกผู้คน เพียงให้ได้ทรัพย์เอามาบำรุงบำเรอตนและครอบครัว หลอกแม้ตนเองว่าสิ่งที่กระทำนั้นถูกต้องแล้ว... สุดท้ายใยมิใช่เป็นดังพลุท่ามกลางนภาเหล่านั้น แม้บางดวงสว่างมาก บางดวงสว่างน้อย แต่ก็ล้วนดับอับแสงลงสิ้นทุกดวงไป แล้วทรัพย์ที่แสวงหามานั้นจะทำไปเพื่อสิ่งใด เพื่อใคร ตนเองจากไป ครอบครัวของตนหรือที่จะใช้ทรัพย์สมบัติที่หามาโดยมิชอบเหล่านั้น จะเจริญรุ่งเรืองไปได้อย่างไร สิ่งอัปมงคลทั้งหลายเหล่านั้นคงติดตามพวกเขาต่อไปไม่สิ้นสุด  คนเราเมื่อไรจะตื่นจากฝันกันเล่า ตัวตนเราที่หลงยึดอยู่นั้น ไม่มีอะไรให้สมควรยึดถือได้เลย ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่าดุจดังท้องฟ้าที่มืดมิดกลางค่ำคืน สิ้นแสงสว่างจากพลุเหล่านั้นแล้ว ก็กลับเป็นเช่นเดิม ไม่อาจมีพลุดวงใดสว่างอยู่ถาวรไม่ดับไปได้เลย

เบื้องล่างจากแสงไฟจากพลุที่สวยงามบนท้องฟ้านั้น  ปรากฏพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทที่จำลองมาจากพระที่นั่งองค์เดิมสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เคยรุ่งเรืองสวยงามสง่า พลันทำให้เรากลับมองเห็นภาพในอดีตของกรุงศรีอยุธยาราชธานีอันรุ่งเรืองรุ่งโรจผ่านกาลเวลา จนดับไปดั่งพลุกลางท้องฟ้าเมื่อสองร้อยห้าสิบสี่ปีก่อน ภาพสะท้อนในอดีตวนเวียนมาในใจเรา น้ำตาของผู้คนชนชาวไทยมากมายเท่าใดที่สูญเสียไปในเวลานั้น พวกเราลูกหลานได้พบสิ่งอันใดบ้างผ่านกาลเวลายาวนานนี้ หรือยังต่างแสวงหาผลประโยชน์เข้าสู่ตน ไม่สนใจในประเทศชาติ ศาสนา และมหากษัตริย์ที่ทำให้เราสามารถยืนหยัดเป็นประชาชนชนชาวไทยมาได้จนถึงทุกวันนี้

ความมืดหลังแสงสว่างจากพลุดับลงนั้น ช่วยกลบเกลื่อนน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าของฉันได้อยู่ แต่ความเศร้าโศกในใจนั้น มิอาจมีสิ่งใดกลบเกลื่อนได้เลย ขอแสงสว่างของดวงอาทิตย์ในวันใหม่ จงเป็นดังแสงแห่งพระธรรม ที่จะขจัดความโลภ โกรธ หลง อันดำมืดในใจผู้คนให้หมดไปด้วยเถิด

ไม่มีความคิดเห็น: