วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

เยี่ยมเยียน และ แบ่งปัน

 การเยี่ยมเยียนและแบ่งปัน

 ในสังคมที่เราอยู่อาศัยแห่งนี้มีผู้คนอยู่ร่วมกับเรามากมาย บ้างก็มั่งมีบ้างก็ยากจน การช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความเมตตานั้นจำเป็นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้สังคมนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพื่อนๆหลายๆคนมักจะบ่นเสมอๆว่าตัวเองนั้นโชคไม่ดีเหมือนคนอื่นเขา เพราะเราไปเปรียบเทียบกับคนที่เขามีมากกว่าเราไม่ว่าจะเปรียบเทียบทางวัตถุ เงินทอง ฐานะ ชื่อเสียงฯลฯ สิ่งเหล่านี้แต่ละคนหามาแตกต่างกัน บ้างก็มีทุนเดิมที่ดี บ้างมีโอกาสที่ดี แต่หลายๆคนก็ทุ่มเทเสียสละกายใจมาไม่น้อยกว่าจะได้มา นิ้วในมือเราก็ยังไม่เท่ากัน แต่ก็ทำงานด้วยกันได้อย่างดี แต่ละคนมีดีมีด้อยในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเสียใจที่ไม่เหมือนเขา เมื่อมีเวลาลองมองลงมาดูผู้คนที่เขาด้อยโอกาสกว่าเราบ้าง แล้วเราจะได้เรียนรู้อะไรมากมาย

 ในสังคมที่เราอาศัยอยู่นี้ มีอีกกลุ่มคนที่ยังลำบากกว่าเรามากนัก วันนี้เรามาคุยกันเรื่องผู้คนกลุ่มนั้นกัน  กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง-ติดบ้าน ที่มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยในสังคมนี้ บางคนพอช่วยตัวเองได้บ้าง แต่อีกหลายๆคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย ต้องมีผู้อื่นคอยดูแล รอรับความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆเกือบทุกเรื่อง  หลายๆคนอาจมองว่าเป็นเรื่องของเขา เป็นกรรมของเขาแล้วก็ปล่อยผ่านไป ซึ่งก็อาจมีจำนวนมากที่คิดเช่นนั้นในสังคมยุคปัจจุบันที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาและจำเป็นต้องเอาตัวเองให้รอดให้ได้ก่อน  แต่พวกเราจำนวนมากที่มีพอจะแบ่งปันให้กับเขา ไม่ว่าจะเป็นกำลังใจ ข้าวของเงินทองเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้เขาสามารถมีชีวิตต่อไปได้หรืออาจทำให้เขามีความสุขเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม สังคมที่เราอยู่นี้ก็คงจะอบอุ่นสวยงามน่าอยู่มากยิ่งขึ้น 

 ในสังคมที่เราอยู่นี้มีผู้คนมากมายที่มีปัญหา อุปสรรคในชีวิตหลากหลายรูปแบบที่กำลังเผชิญอยู่ จนบางคนแทบทนไม่ไหว จนต้องเป็นทุกข์เดือดร้อนทั้งกายและใจ แต่ปัญหาของเรานั้นหนักหนาสาหัสจริงๆแล้วหรือ?  เมื่อเทียบกับพี่น้องผู้ป่วยกลุ่มนี้ เขาลำบากกว่าเรามากเพียงใด การได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน แบ่งปันให้พวกเขา จะทำให้เรารู้สึกใด้ถึงกำลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะเรายังมีต้นทุนที่สำคัญอยู่ นั้นคือร่างกายและจิตใจนี้ เรายังช่วยเหลือตัวเองได้ เรายังมีความรู้ความสามารถมากมายที่จะต่อสู้ชีวิตนี้ต่อไป ภาพที่เราเห็นผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเรานั้นสอนเรามากมาย บางท่านไม่สามารถแม้แต่จะทานอาหาร ขับถ่าย ขยับเคลื่อนไหวตัวเองทุกอย่างล้วนต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นทั้งสิ้น เทียบกับเราแล้ว ความทุกข์ที่เราเผจิญอยู่นั้นจะรู้สึกเบาลงมากมาย จนรู้สึกว่าอยากจะวางเรื่องของตนเองไว้ก่อน และมาทำประโยชน์อะไรก็ได้แม้เพียงเล็กน้อยให้กับเขาเหล่านี้ เพื่อที่จะมอบความสุขให้กับเขา ด้วยความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีจากใจของเรา อาจเปรียบเสมือนละอองน้ำไม่กี่หยดที่ตกลงบนต้นไม้ที่แห้งผากขาดน้ำมาเป็นเวลานาน ผู้คนเหล่านี้ในสังคมถ้าได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราได้บ้าง คนละเล็กคนละน้อย ก็จะทำให้ผู้คนที่ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานเหล่านี้มีความสุขมากขึ้น สังคมที่เราอยู่ก็คงสวยงามน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

 ในสังคมนี้ยังมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่เสียสละดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง ญาติมิตร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล อนามัย และเจ้าหน้าที่ อสม. ที่เสียสละให้ความเอาใจใส่ดูแลพวกเขา แต่ทุกๆคนก็คงต้องมีข้อจำกัดกันบ้าง จึงขอเรียนเชิญเพื่อนๆ ที่มีใจเมตตา เสียสละแบ่งปันเวลาเล็กๆน้อยๆมาเยี่ยมเยียนและแบ่งปันพวกเขาบ้างนะครับ ในแต่ละครั้งเราอาจไปเยี่ยมเยียนได้ไม่กี่คนเพราะคงจะเป็นการไม่สะดวกกับพวกเขานะครับ แต่เราอาจนัดกันแบ่งปันวันเวลาที่จะมอบความรักมอบความสุขให้พวกเขาได้นะครับ

 ปีใหม่นี้ 14กพ.เรามีงานเลี้ยงปีใหม่ประจำปีของมูลนิธิฯ เช้าเราไปทำบุญที่วัดอโศการาม เสร็จแล้วก็ปล่อยชีวิตสัตว์เป็นทาน ตามด้วยเลี้ยงอาหารและมอบของขวัญให้ผู้พิการที่บ้านศิริวัฒนา บางปู เที่ยงๆก่อนรับประทานอาหารร่วมกัน เราจะแวะไปมอบของขวัญสำหรับผู้ป่วยติดเตียงและเจ้าหน้าที่รพ.สต.พุทธรักษา  ทานอาหารกลางวันเสร็จเราจะไปเยี่ยมคุณยายที่บ้าน ช่วยกันทำความสะอาดบ้านและมอบของขวัญปีใหม่ให้ท่านก่อนจะลากลับกันนะครับ

ปล. เพื่อนๆที่จะไปร่วมทำความสะอาดบ้านคุณยาย กรุณาติดเครื่องมือทำความสะอาดส่วนตัวไปด้วยนะครับ ที่บ้านคุณยายไม่ค่อยจะมีอะไรให้ใช้นะครับ!!!....




"โลกอยู่ได้ด้วยเมตตา
คือความเอ็นดูสงสารกัน
ทุกตัวสัตว์ที่มีชีวิตครองตัวอยู่
ไม่พึงเบียดเบียนทำลายกัน
ด้วยความโกรธแค้น
หรือด้วยความเห็นแก่ปากแก่ท้อง
ซึ่งไม่มีประมาณแห่งความอิ่มพอ
และไม่มีทางสิ้นสุดแห่งการทำลายกัน
พระพุทธเจ้าทรงเห็นโทษของมัน
ด้วยพระปัญญาอันแหลมคม
ไม่มีทางสงสัย
และทรงเห็นคุณในความเมตตาว่า
เป็นธรรมอ่อนโยน
และสมัครสมานรักใคร่ไมตรีต่อกัน
ระหว่างสัตวโลกทุกชั้นทุกภูมิ
ซึ่งมีความรักสุข เกลียดทุกข์เสมอหน้ากัน
จึงประทานไว้เพื่อความมั่นคง
แห่งสันติสุขแก่โลกตลอดกาลนาน
หากเมตตาธรรม
ยังมีอยู่ในใจของสัตว์โลกอยู่ตราบใด
โลกยังจะมีหวังความสุข
ความสมหวังอยู่ตราบนั้น
แต่ถ้าเมตตา
ได้ห่างเหินจากใจของสัตว์โลกกาลใด
กาลนั้นแม้สัตว์โลกจะมีความอุดมสมบูรณ์
ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิด
อย่างพึงพอใจก็ตาม
แต่จะไม่มีความสงบสุขตกค้าง
อยู่ในวงสัตว์โลกนั้นๆเลย
ส่วนที่ได้รับจะมีแต่ความเดือดร้อนขุ่นเคือง
ไปทุกหย่อมหญ้า"
+++++
ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ

ไม่มีความคิดเห็น: