ยามเย็นของวันสิ้นปีโควิด19 พ.ศ.2563 ชายชราผู้หนึ่งนั่งมองกระแสคลื่นซัดสาดหาดทรายตั้งแต่พลบค่ำ น้ำทะเลเริ่มลดลงทำให้หาดทรายกว้างขึ้นจนเว้งว้างยิ่ง ความมืดปกคลุมเข้ามาแทนที่ แสงจันทร์อ่อนละไมสาดส่องลงมาจากท้องฟ้ายามพลบค่ำเช่นนี้ ชายชราเดินออกไปริมทะเลอันมืดมิด ขณะนั้นเขาก็สะดุดก้อนหินที่อยู่กลางผืนทรายล้มลง เขาลุกขึ้นมองหินก้อนใหญ่กลางผืนทรายที่แสงจันทร์ส่องผ่านเมฆดำก้อนใหญ่กลางทองฟ้ายามค่ำคืนอันเหน็บหนาว
ชายชราก้มมองหินก้อนใหญ๋และทรายเม็ดเล็กๆตรงหน้า อดีตของหินเหล่านี้ใยมิใช่ภูผาหินสูงใหญ่ตั้งตระหง่านท้าแดดลมฝน ชีวิตคนเราก็เช่นกัน แม้จะเคยมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เพียงใด กาลเวลาก็จะลบเลือนความยิ่งใหญ่จอมปลอมเหล่านั้นจนหมดสิ้น เสมือนเม็ดหินเม็ดทราย กลางหาดทรายแห่งนี้
เมื่อหันออกไปสู่ท้องทะเลกว้าง คลื่นลูกใหญ่กำลังทยอยซัดสาดมายังผืนทรายลูกแล้วลูกเล่า คลื่นลูกใหญ่ก่อตัวถาโถมสู่ฝั่งและสลายไปในผืนทราย คลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นถาโถมทับคลื่นลูกเก่าลูกแล้วลูกเล่า ไม่มีคลื่นลูกไหนที่สามารถดำรงคงอยู่ตลอดไป ชีวิตผู้คนเราใยมิใช่เฉกเช่นกัน วันคืนเดือนปีผันผ่านไป ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่ผ่านมา และ..ก็จะผ่านไปเช่นกัน ลาภยศชื่อเสียง เงินทอง ที่ผู้คนล้วนไขว่ขว้าหากันมาตลอดชั่วชีวิต สุดท้ายยังจะมีผู้ใดได้ครอบครองจริงไม่ สิ่งต่างๆในชีวิตที่อุตส่าห์แสวงหามานั้นก็ทยอยกันหมดค่าสิ้นค่าไป เมื่อเขาจากโลกนี้ไป สิ่งเหล่านี้ก็ได้แต่ลวงหลอกผู้คนให้แย่งชิงพวกมันไปครอบครองอีก วนไปวนมาไม่มีสิ้นสุด
หาดทรายนี้มีเม็ดทรายมากมายเหลือคณานับสุดท้ายแม้แต่เม็ดทรายยังอาจเปลี่ยนแปลงจนเป็นฝุ่นดินก็เป็นได้ เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน แต่ต้องล้วนแกดับไปสักวัน ธรรมชาติก็เช่นนี้เอง วนไปมาไม่สิ้นสุด ชีวิตคนและสรรพสัตว์ทั้งหลายก็เช่นกัน แตกต่าง พลิกแผลง แตกต่าง ทั้งดีทั้งร้าย ทั้งสุขและทุกข์ มีชื่อเสียงมีนินทา มีสรรเสริญ มีสาปแช่ง มีร่ำรวยและยากจน สบสนวนไปไม่สิ้นสุด ในความแตกต่างนั้น สิ่งที่เหมือนกันคือความทุกข์ ชีวิตทั้งหลายนั้น สุดท้ายเป็นเช่นไร คงเสมือนขุนเขาตั้งตระหง่าน ท้าทายแดดลมฝน ที่วันนี้เหลือเพียงเม็ดทรายฝุ่นทุลีดิน แม้รู้ได้เช่นนี้ ผู้คนสัตว์ทั้งหลายใยยังแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น สร้างภาพ สร้างมายาหลอกลวงตนเอง หลอกลวงผู้อื่น ทำร้ายตนเอง ทำร้ายกันเองไม่สิ้นสุด ทั้งๆที่สิ่งเหล่านั้นหามีคุณค่าใดๆไม่ ล้วนจอมปลอม หลอกลวงทั้งสิ้น ชีวิตนี้มีคุณค่าอย่างไรเล่า? สรรพชีวิตทั้งหลายเกิดมาเพื่อสิ่งใด? ชายชราคิดทบทวนไปมาในใจ คำถามที่วิ่งวนไปมาในสมองนี้ตั้งแต่เล็กจนโต ......เราเกิดมาทำไม ? .....เพื่อสิ่งใดกันแน่นะ ?
สองพันกว่าปีก่อน ยังมีศาสดามหาบุรุษท่านหนึ่ง ถือกำเนินเกิดมาบนโลกใบนี้ ท่านเห็นความจริงตรงหน้าและตระหนักได้ว่า..ชีวิตล้วนมีทุกข์ ...ไม่มีแก่นสาร...จะหมดไปอย่างไร้ร่องรอย พระองค์ทรงหาหนทางหลุดออกจากวังวนแห่งความทุกข์นี้ และประทานหนทางนั้นไว้แก่พวกเราทุกๆคน ความจริง และหนทางที่พระองค์ทรงประทานชี้แนะไว้ให้เหล่านี้นั้น ก่อนที่พระองค์จะกำเนิดขึ้น และหลังจากที่ท่านจากไป ความจริงนี้ก็ยังจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป
เมฆก้อนใหญ่ลอยเลื่อนผ่านไป บรรยากาศที่มืดมิดกลับสว่างขึ้นอีกครั้งด้วยแสงแห่งจันทรา สวยงาม สว่างนวลๆ ทำใ้ห้รู้สึกสงบ ร่มเย็นในใจยิ่งนัก ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้เอง มีมืด มีสว่าง สลับไปมา ไม่แน่นอน แต่ในคณะที่ผู้คนจำนวนมากล้วนแย่งชิงไขว่ขว้าหา ลาภ ยศ ชื่อเสียง สรรเสริญ สุข เงินทองฯให้แก่ตนเองนั้น พวกเราก็ยังมีโอกาสที่จะมอบ แบ่งปัน ความรัก ความสุข ความปรารถนาดี ให้แก่สรรพชีวิตที่เกิดมาในโลกใบนี้ พวกเรายังคงจะสร้างสาธารณประโยชน์ ช่วยเหลือเกื้อกูล ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้เดือดร้อน ด้อยโอกาสในสังคม มอบความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี จากใจของเราสู่พวกเขาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือไม่ก็ตาม ทุกคนล้วนเกิดมาเป็นเพื่อนกันในโลกที่ดูจะแสนโหดร้ายใบนี้ แต่ถ้าเราได้เริ่มทำแต่สิ่งดีๆให้กันและกัน โลกใบนี้ก็ดูจะสดใส สวยงามขึ้นได้จริงๆ ชีวิตของพวกเราก็จะมีคุณค่ายิ่งขึ้น ไม่ตายหายไปจากโดลกอย่างไร้ค่าไร้ราคาสำหรับชีวิตหนึ่งๆที่ได้เกิดมายังโลกใบนี้ ความรักที่มอบให้กัน ย่อมทำให้เกิดความสุข ทั้งผู้ให้และผู้รับ สิ่งดีๆเช่นนี้หรือไมนะที่ทำให้ชีวิตที่เกิดมานี้มีคุณค่าขึ้น? เสมือนแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเมฆสีดำก้อนใหญ่บนฟ้ายามราตรีนี้ เมฆดำจะล่องลอยผ่านไปปล่อยให้แสงจันทร์แรมสองค่ำส่องท้องฟ้าและผืนหาดทรายเบื้อหน้าให้สว่างสงบอีกครั้ง
ใกล้สว่างแล้ว ชายชราเริ่มมองเห็นแสงเงินแสงทองจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก โลกก็เป็นเช่นนี้ มีกลางคืนที่มืดมิดและมีกลางวันอันเจิดจ้า ไม่เที่ยงไม่แน่นอน ชีวิตคนไม่มีใครตกอับทั้งชีวิต ไม่มีรุ่งโรจน์ตลอดไป เมื่อ
เผจิญความทุกข์ ความปวดร้าว ไม่สบายใจ จงรู้เถิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะหมดไปสักวัน ฟ้าหลังฝนย่อยสวยงามเสมอ เมื่อพบความสุขสนุกสนานก็จงอย่าหลงระเริงไปเพราะวันเวลาเหล่านั้นอาจต้องจบลงเวลาหนึ่งเวลาใดก็ได้ ค่ำคืนอันมืดมิดด้วยเมฆหมอก บางครั้งมีแสงจันทร์ส่องมาได้บ้าง กำลังจะผ่านไป วันเก่าปีเก่าปีแห่งโควิดปี2563กำลังจะจากไป วันใหม่ปีใหม่2564กำลังจะเริ่มแล้ว แสงแรกของปีใหม่สัดสาดส่องมาต้ององค์พระพุทธรูปชายฝั่งทะเล สวยงามสงบอย่างผู้รู้ เจนจบในชีวิต และธรรมทั้งหลาย
ขอพระสัจธรรมจงเจริญรุ่งเรืองไม่รู้จบสิ้น ขอรักษาพระธรรมวินัยยิ่งชีวิต
ขอสรรพสัตว์ทั้งมวลจงพ้นทุกข์ พบความสุขอันนิรันดร์
ขอเพื่อนทุกๆท่านจงมีสุขกายสุขใจ สมหวังในชีวิตอันประกอบด้วยคุณค่าอันเปรียบประมาณมิได้ ความปรารถนาที่ดีงามประกอบด้วยธรรมจงสำเร็จทุกประการตลอดปีใหม่ 2564นี้ด้วยเถิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น