https://www.facebook.com/piyoros.preeyanont/media_set?
https://www.facebook.com/piyoros.preeyanont/media_set?set=a.10204100692791778.1073741932.1658875268&type=3&comment_id=10209390485113280set=a.10204100692791778.1073741932.1658875268&type=3&comment_id=10209390485113280
ธรรมะจากผาผึ้ง1ช่วงเวลาสองเดือนครึ่งที่ได้มีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตภาวนาณ ถ้ำผากง ที่ภูผาผึ้งนั้นวันเวลาทั้งวันทั้งคืนสามารถใช้ไปกับการภาวนาตั้งแต่เช้าตื่นมาตีสองก็ทำวัตรนั่งสมาธิ พอได้อรุณก็ทำสรีรกิจเสร็จก็เข้าทางจงกรมยาวไปถึงสามสี่ทุ่มจะมีพักทานน้ำเข้าห้องน้ำทำวัตรตอนบ่ายสองสักชั่วโมงเดียวเพราะไม่ต้องกังวนเรื่องอาหารหรือปานะใดๆ ไม่ต้องห่วงใยผู้ใดเพราะอยู่ลำพังผู้เดียวทำข้อวัตรเสร็จก็เข้าทางเดินจงกรมต่อจนสามสี่ทุ่มก็ทำวัตรเย็นแล้วพักผ่อนจึงจะตื่นขึ้นมารับวันใหม่ตอนตีสองเช่นเคยทางจงกรม ทางเดินแห่งชีวิตทางจงกรมนั้นมีจุดเริ่มต้นมีท่ามกลาง และปลายสุดเมื่อสิ้นสุดทางเดินก็เริ่มต้นใหม่วนเวียนไม่รู้จบดุจดังวัฎฎะสงสาร ท่ามกลางทางเดินจงกรม เราจะมีก้าวแรกก้าวสองและก้าวต่อๆไปเสมอ มีขวามีซ้าย ก้าวและก้าวต่อๆไปเหมือนชีวิตในแต่ละภพแต่ละชาติที่เราคิดว่าเผจิญกับสิ่งใหม่ๆในชีวิตเสมอ แต่แท้จริงทางนี้เราผ่านมามากมายสุดจะนับคะเนได้แล้วชีวิตเป็นเช่นนี้เอง ตราบจนมีสติตามรู้ปัจจุบันขณะ มีสติแข็งแรงขึ้นรายละเอียดต่างๆของการเคลื่อนไหว กายและจิตก็จะปรากฎได้ชัดเจนเวลาดังจะช้าลงจากวินาทีเป็นนาทีเป็นชั่วโมงแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในใจก็สามารถถูกสังเกตเห็นได้ชัดเจนความต้องการ ความพอใจไม่พอใจ เรื่องในอดีต อนาคตประดังกันออกมาจากใจในช่วงแรกๆแต่ต่อไปเพียงขยับจะปรุงแต่งเรื่องต่างๆอีก ใจก็จะร้องว่าพอแล้วไม่คิดไม่ปรุงแล้ว อิริยาบถต่างๆของกายของใจก็เห็นได้แจ่มชัดขึ้นจนมีคำถามผุดมาจากใจว่า“ทำไมจึงต้องมีก้าวต่อไป”· คนเราส่วนใหญ่มักถูกแรงแห่งตัญหาผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความต้องการทะยานอยาก ด้วยแรงแห่งกิเลส ความโลภความโกรธ ความหลง เพียงต้องการเติมเต็มความไม่อิ่มไม่พอในใจของเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด· ธรรมะคำสอนของพระพุทธองค์ทรงชี้ให้เรามองย้อนเข้าสู่ใจตนเองให้มุ่งขจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งก็คือกิเลสตัญหาออกจากใจ ความต้องการทะยานอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็จะยุติลง ณ เวลานั้น ดังนั้น ความสุขความสงบในใจก็จะบังเกิดขึ้นเพียงพอและพอเพียงที่จะจบการเดินทางอันแสนยาวนานนี้ลงได้แล้ว ณ เวลานั้นมิจำเป็นจะต้องมีก้าวต่อไปอีก หยุดได้แล้วการเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้หยุดได้แล้ว เพราะเราได้ถึงที่หมายนั้นแล้ว· เมื่อจิตดวงนี้ได้ถูกชำระ อวิชชา ตัญหาและอุปปาทานทั้งหลายออกจนสะอาดแล้ว จิตนี้ก็จะมีแต่ความสุขสงบ สมบูรณ์ แม้จะมีก้าวย่างเดินทางต่อไปก็มิได้ไปจากแรงแห่งตัญหาแล้วกลับก้าวต่อไปด้วยแรงแห่งความเมตตากรุณาอันล้นจากใจดวงนี้เพื่อมุ่งหวังจะช่วยเหลือเกื้อกูลสรรพสัตว์ สรรพชีวิต และสรรพสิ่งทั้งมวลมิได้ต้องการแสวงหาสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว· หากเปรียบใจเราดังแก้วน้ำผู้คนส่วนใหญ่ต่างดิ้นรนแสวงหาน้ำมาใส่ใจเพื่อมาดับความเร้าร้อนแห่ง ตัญหาในใจ น้ำจำนวนมากมายถูกรินใส่ใจที่มิเคยเพียงพอ เนื่องเพราะเขาขยายแก้วในใจนั้นให้ใหญ่ขึ้นๆอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของเขาอำนาจแห่งกิเลสนั้นครอบงำจิตใจเขาทำให้น้ำมากเพียงใดก็มิอาจเติมเต็มแก้วในใจเขาได้เลย· พระพุทธองค์ทรงชี้ทางที่จะเติมเต็มแก้วน้ำในใจดวงนี้เพื่อดับความร้อนเร่าในใจลงโดยขจัดความต้องการอันไม่สิ้นสุดลงเสียลดขนาดของแก้วในใจของเราลง แก้วนั้นเมื่อยิ่งเล็กน้ำเพียงจำนวนน้อยก็สามารถใส่ให้เต็มได้อย่างรวดเร็ว ความเร้าร้อนในใจก็จะดับลงไปการแสวงหาน้ำก็ย่อมมีวันสิ้นสุดลง ใจนี้ย่อมมีเวลาพัก มีเวลาสุขสงบได้สักวัน· เมื่อแก้วน้ำในใจดวงน้อยนี้เต็มแล้ว ความเร้าร้อนในใจดับเสียแล้วความต้องการแสวงหาน้ำย่อมหมดลงแล้วเมื่อมีน้ำมาเติมลงไปในแก้วนั้น น้ำนั้นย่อมไหลรินล้นออกจากใจนำความชุ่มชื่นฉ่ำเย็น ออกจากใจดวงนี้ สู่ใจที่เร้าร้อนใกล้เคียง ลดความทุกข์ทรมาณสร้างความเบิกบานให้แก่มวลสรรพชีวิตทั้งหลายรอบตัวเขาให้พบกับความสุขสงบเช่นเดียวกัน การก้าวเดินต่อไปก็เพียงลดขนาดแก้วใส่ใบน้อยในใจนี้ให้เล็กลงๆจนหมดไปความต้องการน้ำก็หมดไป มิจำเป็นต้องเติมเต็มใจนี้แล้วน้ำที่มีมาก็เพียงเพื่อสรรพสิ่งภายนอกใจนี้เท่านั้นเอง ณเวลานั้นแม้ความสงบในใจก็มิต้องแสวงหาอีกต่อไปแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น