| Wat Phra Tad Bunpuand | 
วัดพระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย
เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องใช้เข้าพิธีในสำนักพระราชวัง
คือสระมุจลินทร์ ซึ่งปัจจุบันกำลังจะพังถล่มลงมา พวกเราจึงปาวารนาตัวช่วยกันบูรณะสระน้ำสำคัญนี้และสร้างพระเจ้าทันใจประดิษฐานไว้หน้าพญานาคองค์เดิมที่บูรณะพรอมกันด้วย ช่วยกันด้วยนะครับ
ทั้งหมดจะทำให้เสร็จและฉลองในงานกฐินประมาณต้นเดือน9-10-11ตค.52นี้นะครับ
พระธาตุบังพวน หรือที่ถูกคือพระบรมธาตุบังพวน  
ที่วัดพระธาตุบังพวน  คือจากอุดรหรือขอนแก่นมุ่งหน้ามา จังหัวดหนองคาย พออีก ๑๐ กม. จะถึงหนองคายก็เลี้ยวซ้ายเข้าสาย ๒๑๑ วิ่งไป ๑๒ กม.ทางขวามือวัดพระธาตุบังพวน  ซึ่งที่วัด (ปี ๒๕๔๐) ไม่มีประวัติพิมพ์เอาไว้จำหน่าย  แต่กลับมาบ้านแล้วผมไปค้นได้ในห้องสมุดของผมเอง  มีประวัติพระธาตุบังพวน  พิมพ์ไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๑๓ ขายราคาเล่มละ ๕ บาท  ซึ่งหน้าแรกของหนังสือได้กล่าวไว้ว่า  "มรดกอันล้ำค่าของชาติ" พระธาตุบังพวน (มีรูปพระธาตุ) วัดพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง ฯ  จังหวัดหนองคาย  อายุก่อสร้างสองพันปีเศษ  รุ่นพระธาตุพนม  งานเทศกาลประจำปี  เดือนยี่ เพ็ญ ๕ วัน ๕ คืน  นักบุญ  นักศึกษา  นักปฏิบัติธรรม  ไม่เคยพลาด  นี่คือข้อความบรรยายภาพในหน้าแรกของหนังสือ  ส่วนองค์พระธาตุนั้นดูรูปแล้วเก่าแก่ใกล้จะพัง  และก็พังจริง ๆ เมื่อ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๓ นั่นเอง (พระธาตุพนม ล้มเมื่อปี ๒๕๑๘) แค่ปัจจุบันองค์พระธาตุบังพวนและวัด ฯ ได้รับการบูรณะเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว  พระธาตุพัง  ไม่มีอีกแล้วคงมีแต่องค์พระธาตุที่สวยสง่าน่าไปชมไปนมัสการ  เพื่อความศิริมงคลแก่ตัวเรา  ประวัติความเป็นมาขององค์ พระธาตุมีดังนี้ 
            ได้กล่าวกันว่าประวัติการก่อสร้างพระธาตุบังพวน  ปรากฏอยู่ในหนังสือคัมภีร์ใบลาน  ชื่ออุรังคธาตุ หรือ อุรังคนิทาน  อันว่าด้วยการก่อสร้างพระธาตุพนมที่ จังหัวดนครพนม  ในคัมภีร์ใบลานฉบับนี้  ได้กล่าวถึงท้าวพระยา ๕ พระองค์  คือ พระยาสุวรรณภิงคาน เมืองหนองหาร  สกลนคร  พระยาคำแดง เมืองหนองหารน้อย อุดรธานี  พระยาจุลนิพรหมทัต  เจ้าเมืองจุลนี (ลาวเหนือ) พระยาอินทปัตรนครเจ้าเมืองอินทปัตนคร (เขมร) และพระยานันทเสน เจ้าเมืองศรีโคตรบูรณ์  ได้ทรงให้การอุปการอุปถัมภ์ พระยามหากัสสปเถระ  พร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ พระองค์  ทำการก่อสร้างพระธาตุพนมจนแล้วเสร็จ  แล้วได้พร้อมกันตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาติต่อมา ครั้นกาลเวลาผ่านมา  พระยาทั้ง ๕ สิ้นอายุขัย  จุติมาเกิดเป็นมหารัตนกุมาร  จุลรัตนราชกุมาร  มหาสุวรรณปราสาทราชกุมาร  จุลสุวรรณปราสาท  และ  สังขวิชัยราชกุมาร 
            ต่อมา กุมารทั้ง ๕ ได้บวชเป็นสามเณร  ตามคำชักชวนของพระอรหันต์ ๓ องค์ คือ  พระพุทธรักขิตเถระ  พระธรรมรักขิตเถระ และพระสังฆรักขิตเถระ  ซึ่งทั้ง ๓ องค์เป็นศิษย์ของ พระมหากัสสปเถระ สามเณรทั้ง ๕ ได้บำเพ็ญสมณธรรม  ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ  ประพฤติดี  ประพฤติชอบ  จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ 
            พระอรหันต์ อาจารย์ ๓ องค์ และพระอรหันต์ ศิษย์อีก ๕ องค์  ได้เดินทางไปชมภูทวีป  อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จำนวน ๔๕ องค์  มาประดิษฐานไว้ ณ สถานทั้ง ๔ คือ 
            ๑.   อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ พระธาตุบังพวน ๒๙ องค์ 
            ๒.  อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ พระธาตุกลางน้ำ  เมืองล่าหนองคาย ๙ องค์ 
            ๓.   อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ พระธาตุ (บุ) โพนจิก  เวียงงัว ๓ องค์ 
            ๔.   อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ เจดีย์ห่อผ้าแพร ๔ องค์ 
๓ อาจารย์  เมื่อได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาแล้ว  ก็เดินทางกลับสู่เมืองราชคฤห์  แห่งชมภูทวีป ๕  ศิษย์อรหันต์  ก็ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ  ไปพำนักอยู่ใต้ร่มป่าแป้งบนภูเขาลวง  อันเป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุบังพวนในปัจจุบันนี้  ความที่ทราบถึง  พระยาจันทบุรีประสิทธสักกะเทวะเมืองเวียงจันทน์  จึงตรัสสั่งให้แจ้งข่าวการกุศล  และพระราชเทวี  เมื่อได้ทรงทราบก็ทรงบริจาคร่วมในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระธาตุบังพวน 
            ในปี พ.ศ. ๒๑๐๒  สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช  ครองนครหลวงพระบาง  ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และได้ทรงเสริมพระธาตุบังพวนให้ใหญ่โตและสูงขึ้น  โดยก่ออิฐต่ออีก  แล้วสร้างกำแพงรอบวัด  สร้างซุ้มประตูทางเข้าทั้ง ๔ ด้าน  ทรงสร้างที่ไหว้พระธาตุทั้ง ๔ ทิศ  บริเวณพระธาตุสร้างอุโบสถ  วิหารที่พระประธาน  พระนาคปรก  สระน้ำ  บ่อน้ำ  และทรงสร้างศิลาจารึกไว้ที่ข้างพระประธานในวิหาร  สิ่งก่อสร้างที่กล่าวมานี้ยังเหลืออยู่และได้รับการบูรณะแล้ว 
            ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖  เจ้าหน้าที่หน่วยศิลปากรที่ จังหวัดขอนแก่น  มาทำการขุดแต่งโบราณสถานภายในบริเวณพระธาตุบังพวน  ได้ทราบความยิ่งใหญ่ที่มีความสำคัญในทางพุทธศาสนา คือ "สัตตมหาสถาน"  ซึ่งจำลองมาจากพุทธคยา  ประเทศอินเดีย  สถานที่ดังกล่าวนี้พบในประเทศไทยเพียง ๒ แห่งคือ ที่วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่  กับที่วัดพระธาตุบังพวนนี้เท่านั้น  และโดยเฉพาะที่พระธาตุบังพวนนับว่าสมบูรณ์ที่สุด คือมีครบทั้ง ๗ แห่ง อย่างสมบูรณ์ ที่วัดเจ็ดยอด เชียงใหม่ ยังสมบูรณ์ไม่เท่า 
            สัตตมหาสถานจำลอง  หมายถึง สถานที่อันมีความสำคัญยิ่ง ๗ แห่ง  ในระหว่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว ๔๙ วัน หรือ ๗ สัปดาห์  ได้เสด็จไปประทับ ณ สถานที่ต่าง ๆ เสวยวิมุตติสุข คือความสุขอันเกิดจากที่พระองค์พ้นกิเลส ๗ แห่ง ๆ ละ ๗  วัน 
            กลุ่มโบราณสถานที่วัดพระธาตุบังพวน  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบริเวณวัด  สัตตมหาสถานจำลอง  อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระธาตุบังพวน  เป็นกลุ่มเจดีย์กระจายในบริเวณดังกล่าวคือ 
            ๑.   โพธิบัลลังค์  อยู่ตรงกลางของหมู่เจดีย์  ก่อด้วยอิฐ  เป็นทรงกลมเหมือนโอคว่ำ 
            ๒.   อชปาลนิโครธเจดีย์  เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม  ก่อด้วยอิฐสอปูน  ในซุ้มมีพระพุทธรูปปางสมาธิราบ 
            ๓.   มุจจลินท์เจดีย์  เป็นวิหารมุงหลังคาไม่มีฝากั้น  ภายในมีพระพุทธรูป ปางนาคปรก  พญานาคมี ๙ เศียร  ชาวบ้านเรียกหลวงพ่อนาค    ข้างๆเจดีย์มีสระมุจลินท์ ” สระดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญต่อชาวจังหวัดหนองคายเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากน้ำจากสระดังกล่าวถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เคยถูกนำเข้าพิธีสรงมูรธราชาภิเษก พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และพิธีสำคัญในรัชกาลปัจจุบันเป็นประจำ 
            ๔.   ราชายตนเจดีย์  เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม  ตอนบนมีซุ้ม  มีพระพุทธรูปปางสมาธิราบ 
            ๕.   รัตนฆรเจดีย์  เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม  ย่อมุมก่อด้วยอิฐสอปูน  มีซุ้มและพระพุทธรูปปางสมาธิราบ 
            ๖.    อนิมิสเจดีย์  เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม  ก่อด้วยอิฐสอปูน  ไม่มีซุ้มและพระพุทธรูป 
            ๗.   รัตนจงกลมเจดีย์  เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม  ก่อด้วยอิฐสอปูน  ไม่มีซุ้มประตูและพระพุทธรูป  ส่วนความสำคัญอันเป็นปูชนียสถานที่กล่าวมานี้  ยังไม่สามารถอธิบายความหมายที่แจ้งชัดได้ 
            ข้อความในประวัติทั้งหมดนี้ได้แกะออกมาจากหนังสือประวัติพระธาตุบังพวน  เพราะหากไม่แกะแล้วคงต้องลอกเอามาทั้งเล่มจึงจะพอรู้เรื่อง  ใช้ถ้อยคำโบราณ ๆ  อ่านไม่ค่อยเข้าใจ  ลองอ่านดูสำนวนในหนังสือสักนิด  " เมื่อทรงจีวรเรียบร้อยแล้ว (หมายถึงพระพุทธองค์ ผู้เขียน) ก็ผินพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก  เสด็จลีลามาทางอากาศ  มีพระอานนท์เป็นปัจนาสมณะติดตาม  ครั้นถึงแล้วก็เสด็จประทับที่  "ดอยกอนเนา" นั้นก่อน 
ไปกราบครูบาอาจารย์อิสานครั้งนี้ได้ไปเป็นเจ้าภาพให้งาน67ปีหลวงปู่เสาร์ที่วัดดอนธาตุและกราบอารธนาลป.เลี่ยมวัดหนองป่าพงมางานบูชาคุณวันจักรี6เมษายนที่รพ.ด้วย
นอกจากนี้เรายังไปดูความคืบหน้าในการบูรณะอาคารปฏิบัติธรรม ณ วัดภูหล่น อ.ศรีเมืองใหม่ และจ่ายปัจจัยงวดที่2 2แสนบาท(ทั้งหมดประมาณ1ล้านบาทครับ)
มีใครพอจะช่วยกันได้ช่วยกันหน่อยนะครับที่ของครูบาอาจารย์ลป.มั่นครับ ปีนี้60ปีครบรอบการจากไปขององค์ท่านครับ เราทำหนังสือประวัติท่านออกมาด้วยครับ
อาคารนี้เราช่วยกันสร้างไว้เมื่อ16ปีก่อน แต่หลังคาโดนพายุพังไป ทำให้น้ำฝนซึมลงไปบนพื้นแกนเหล็กเป็นสนิมอาจพังเป็นอันตรายได้ถ้าไม่ช่วยกันบูรณะเสียก่อนครับ