วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

ธรรมะใกล้ตัว

ธรรมะใกล้ตัว
พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
คุณดังตฤณขอให้หลวงพ่อช่วยเขียนบทความ

เพื่อลงหนังสือธรรมะออนไลน์
หลวงพ่อนึกภาพของหนังสือชนิดนี้ไม่ออก
จึงไม่ทราบว่าควรจะเขียนเรื่องอะไรดี
แต่ก็ปฏิเสธคุณดังตฤณไม่ลง
เพราะรักน้ำใจและเคยช่วยกันเผยแผ่ธรรมะมานานแล้ว
ไหน ๆ หนังสือของคุณดังตฤณก็ชื่อว่า "ธรรมะใกล้ตัว"
หลวงพ่อจึงขอเล่าให้พวกเราฟังเกี่ยวกับความใกล้ตัวของธรรมะเสียก่อน เพราะ "ชาวพุทธ" จำนวนมากมักคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว เช่น
(๑) ธรรมะเป็นเรื่องของคนอื่น เช่น คนแก่

คนเจ็บหนักคนอกหัก

นักโทษประหาร หรือเป็นเรื่องของพระ ฯลฯ
(๒) ธรรมะอยู่ที่อื่น เช่น อยู่กับพระหรืออยู่กับวัด และ
(๓) ธรรมะเป็นเรื่องในเวลาอื่น คือเวลาในอนาคต
ส่วนปัจจุบันขอเอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ เสียก่อน
เอาไว้แก่แล้วจึงจะค่อยหันมาศึกษาธรรมะ เป็นต้น
กล่าวโดยสรุป คนส่วนมากมักเห็นว่า
ธรรมะเป็นเรื่องของใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ตัวเรา
ความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากทัศนะที่ว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัวทั้งสิ้น แต่ถ้าพวกเราได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ดี
จะพบว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างยิ่ง
หลวงพ่อจึงเห็นว่าคุณดังตฤณมาถูกทางแล้ว
ที่ชวนให้พวกเราสนใจธรรมะใกล้ตัว
คำว่า "ใกล้ตัว" มีความหมายได้หลายนัย
อย่างแรกก็คือ ใกล้ในด้านตัวบุคคล
หมายความว่า ถ้าจะแสวงหาธรรมะก็ไม่ต้องไปแสวงหาที่คนอื่น เพราะธรรมะอยู่กับคนที่เราใกล้ชิดที่สุด คือตัวเราเอง
ซึ่งในประเด็นนี้ขอให้ลองศึกษาอริยสัจจ์ดูได้
ในบรรดาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น
อริยสัจจ์เป็นธรรมที่ครอบคลุมธรรมทั้งปวง
ถ้าปราศจากอริยสัจจ์ก็คือปราศจากพระพุทธศาสนา
และอริยสัจจ์ข้อแรกนั้นเริ่มต้นด้วยทุกขสัจจ์
ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุไว้ชัดเจนเลยว่า อุปาทานขันธ์คือทุกข์ สิ่งที่เรียกว่าอุปาทานขันธ์ก็คือรูปนาม/กายใจของเรานี้เอง และทรงสอนว่า ภารกิจต่อทุกข์คือการรู้
ดังนั้น ถ้าพวกเราเพียงแต่สนใจคอยตามรู้กาย ตามรู้ใจของตนเองเนือง ๆ ก็คือการทำกิจต่อทุกขสัจจ์แล้ว
หากเราตามรู้จนจิตยอมรับความจริงว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง จิตก็จะเข้าถึงธรรมในระดับพระโสดาบัน
หากเรียนรู้จนจิตปล่อยวางความยึดถือกายและใจ
จิตก็จะเข้าถึงธรรมในระดับพระอรหันต์
พวกเราเห็นหรือยัง ว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวเพราะเป็นเรื่องของตัวเราเอง ดังนั้น ธรรมะจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวในอีกแง่มุมหนึ่งคือ ใกล้ในด้านสถานที่ เพราะไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน ธรรมะก็อยู่ที่นั่น เราไม่จำเป็นต้องเที่ยวแสวงหาธรรมะไกลตัวเลย
เพียงมีสติตามรู้กายใจของตนเองด้วยจิตที่ตั้งมั่นมีสัมมาสมาธิ เราจะอยู่ที่ไหน เราก็เห็นธรรมะที่นั่น
อีกอย่างหนึ่ง ธรรมะเป็นของใกล้ตัวในด้านเวลา
เพราะธรรมะไม่ได้อยู่ในอดีตหรืออนาคตอันห่างไกล
แต่ปรากฏอยู่ที่กายที่ใจในปัจจุบันนี้เอง
พวกเราควรหยุดการแสวงหาธรรมภายนอก
แล้วพัฒนาสติและสัมมาสมาธิขึ้นมา
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเรียนรู้ทุกข์คือกายกับใจของเราเองที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน แล้วจะพบว่าความทุกข์ทางใจเริ่มหล่นหายเป็นลำดับ ๆ ไปทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น: